Let It Float : เอเอ – มาร์คคริส BUS

เรื่องราวของเอเอและมาร์คคริสที่เต็มไปด้วยการค้นหาและเติบโต ทั้งการลองสิ่งใหม่ การซื่อสัตย์กับตัวเอง และก้าวไปตามจังหวะของชีวิตศิลปิน

MF: พูดถึงเพลงใหม่ BB
เอเอ: เพลงใหม่เพลง BB ของพวกเรานะฮะ เป็นเพลงที่ผมรู้สึกว่าใหม่มากเป็นเพลงที่เป็นแนวใหม่ที่เพราะมากๆ เลยครับ เป็นเพลงที่ผมไม่ค่อยได้ยินในวงการนี้ รู้สึกว่าถ้าทุกคนลองไปฟังดูก็น่าจะชอบแล้วก็หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ มันเป็นเพลงที่มีความเซ็กซี่แล้วก็มีความเชิญชวนทุกคนเข้ามาเต้นด้วยกัน แล้วผมรู้สึกว่าทั้งดนตรีเนื้อร้องแล้วก็ทั้งท่าเต้นเป็นอะไรที่ใหม่แล้วก็ดีมากๆ พวกเรา BUS รวมถึงผมชอบเพลงท่าเต้นแล้วก็เนื้อเพลงของเพลงนี้มากๆ ครับ ก็ฝากติดตามด้วยครับ
มาร์คคริส: BB มาจากคำว่า BEAT OF BUS นะครับ เป็นซิงเกิลที่ 2 ของอัลบั้มที่ 2 ของพวกเรา ความหมายมันคือชวนทุกคนมาโยกในบีทของเรา ชวนทุกคนมาเต้นในบีทของเรา ชวนคนมาเอ็นจอยไปกับบีทของพวกเรา

MF: BB สะท้อนตัวตนของตัวเองยังไงบ้าง
เอเอ: ผมรู้สึกว่าเพลงนี้สะท้อนตัวผมในแง่ของดนตรี เพราะว่าผมรู้สึกว่าเพลงนี้ดนตรีเป็นแนวที่ผมรู้สึกว่าผมชอบ มีความอิเล็กทรอนิกส์แล้วก็มีฮุกที่มันดรอปลงมาให้มันช้าๆ ครับ แล้วก็อีกอย่างนึงที่สะท้อนเพลง เอเอก็คือชื่อเพลงครับ เพราะว่าผมชื่อว่าเอเอแล้วก็เพลงมันชื่อว่า BB ครับ
มาร์คคริส: คือมาร์คชอบเพราะว่าด้วยความที่ดนตรีมันมีความเป็นลาตินนิดหน่อยก็เลยชอบ แล้วก็ชอบฟังเพลงแนวนี้ด้วย ก็ถ้าถามว่าสะท้อนตัวเองเป็นยังไงบ้างรู้สึกว่าหลายๆ คนอาจจะไม่เคยเห็นมาร์ค หรือว่า BUSในเวอร์ชั่นนี้บ่อยๆ ครับ

MF: การเป็นศิลปินทำให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้นไหม
เอเอ: ผมคิดว่าก็ทำให้ผมรู้จักตัวเองมากขึ้นครับ ทำให้ผมได้ explore สิ่งใหม่ๆ ในตัวเองมากกว่า ไม่ใช่แค่ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นแต่ว่าได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ ในตัวเอง ที่อาจจะไม่ใช่เอเอแต่ว่าพอได้มาเป็นศิลปินมันเหมือนได้เจออะไรใหม่ๆ ที่ถ้าเกิดผมไม่ได้เป็นศิลปินเนี่ยผมจะไม่มีทางที่จะมาทำอะไรแบบนี้เช่นการเต้นการร้อง จริงๆ แล้วผมรู้สึกว่าถ้าผมไม่ได้มาอยู่ที่นี่ผมจะไม่มีโอกาสได้มาเต้นร้องบนเวทีเลย ผมรู้สึกว่าการอยู่บนเวทีมันเป็นอะไรที่มันไม่ใช่ผม แต่ว่าตอนได้มาเป็นศิลปินแล้วได้ลองทำดูมันก็เหมือนได้มาทำอะไรใหม่ๆ ที่ผมก็รู้สึกว่าสนุกดีเหมือนกันครับ
มาร์คคริส: รู้สึกว่าการเป็นศิลปินไม่ได้เป็นส่วนที่ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นเลย เหมือนเราเป็นคนที่ถามตัวเองบ่อยอยู่แล้วว่าชอบอะไร อยากทำอะไร ตัวเองเหมาะที่จะอยู่กับตำแหน่งนั้นๆ เป็นคนตั้งคำถามกับตัวเองตลอด ก็เลยรู้สึกว่าการเป็นศิลปินไม่ได้ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น แต่ว่าเป็นการ explore ว่าเรา ชอบทำสิ่งนี้จริงๆ ค้นหาอะไรใหม่ๆ การได้ลองทำมันลึกขึ้น แล้วก็มันพาเราไปในที่ที่เราไม่เคยไปมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือว่าแบบเป็นกลุ่มคนที่เราไม่รู้จัก แล้วก็เราอาจจะไม่รู้จักถ้าเราไม่ได้เป็นศิลปิน

MF: ถ้าไม่ได้เป็นศิลปินคิดว่าจะทำอะไรในตอนนี้
เอเอ: ผมคิดว่าผมน่าจะเรียนหนังสืออยู่ครับ น่าจะเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศ ถ้าให้เดาผมคิดว่าผมน่าจะเรียนสถาปัตย์เพราะว่าตอนก่อนผมเข้าที่นี่ตอนนั้นผมคืออยากเป็นสถาปนิก ผมชอบอะไรที่เกี่ยวกับพวกอินทีเรียหรือเรื่องบ้านหรือเรื่องสถาปัตยกรรมครับ ผมรู้สึกว่าผมชอบอะไรแบบนั้น ตอนนั้นผมก็เลยรู้สึก ว่าอยากจะเป็นสถาปนิกแล้วก็อยากจะไปเรียนมหาวิทยาลัยสักที่หนึ่งที่มันอยู่เมืองนอกให้ได้ครับ แต่ว่าพอเป็นศิลปินมันก็เลยทำไม่ได้ก็เลยเปลี่ยน เรียกว่าเปลี่ยน cast ของชีวิตนิดนึง ก็เลยคิดว่าถ้าตอนนี้ไม่ได้เป็นศิลปินก็น่าจะเรียนสถาปัตย์อยู่เมืองนอกครับ แล้วก็น่าจะใช้ชีวิตเป็นคนปกติครับ
มาร์คคริส: คิดว่าตอนนี้ก็คงยังไม่กลับมาไทยครับ ตอนนี้ก็คงเรียนจบแล้วครับ ถ้าไม่ทำงานก็เที่ยวอยู่สักที่แต่ว่าคงไม่ได้กลับมาไทยเลย อาจจะด้านสถาปัตย์ คือด้านที่แพลนไว้ก็แล้วกันว่าจะเรียน แล้วก็ใกล้จบแล้ว ก็อาจจะทำงานด้านนั้น หรือว่าอาจจะไปเรียนต่อยอดทางด้านอื่น ในอนาคตก็อาจจะกลับมาทำธุรกิจของของครอบครัว

MF: ถ้าไม่ได้มีข้อจำกัดอะไรอยากจะทำอะไรเป็นพิเศษ
เอเอ: ผมอยากไปเที่ยวเยอะๆ เลยครับ สมมุติว่าปีนึงมี 12 เดือน ผมอยากไปเที่ยว 4 เดือนเลย ทุกครั้งที่มีวันหยุดของมหาลัยผมก็อยากไปเที่ยวต่างประเทศอยากไป  explore โลก เพราะว่าตอนนี้พอเป็นศิลปิน เรามีเวลาที่จะสามารถไปต่างประเทศได้น้อยเพราะว่าในช่วงวันหยุดก็เป็นช่วงที่เรามีงานเหมือนกัน เพราะว่า งานเทศกาลอะไรต่างๆ ก็อยู่ในช่วงวันหยุด ก็เลยไม่ค่อยได้มีโอกาสไปเที่ยวกับครอบครัวหรือว่าไปเที่ยวกับเพื่อน ถ้าไม่มีข้อจํากัดอะไรเลยผมอยากไปเที่ยวหลายๆ ประเทศ ประเทศแปลกๆ ประเทศที่ผมไม่เคยไปมาก่อน แล้วก็อยากใช้ชีวิตกับครอบครัวกับเพื่อนๆ ให้มากขึ้นครับ ผมอยากไปไอซ์แลนด์แล้วก็อยากไป อเมริกา อยากไปนิวยอร์กครับ เพราะว่าหนึ่งใน bucket list คืออยากเจอแสงเหนือสักรอบในชีวิตครับ ส่วนนิวยอร์กเพราะว่าผมดู YouTube หรือว่าดูอะไรพวกนี้มาเยอะแล้วหลายๆ คนที่ผมดูเหมือนว่าเขาใช้ชีวิตในนิวยอร์กกันผมก็อยากลองไปดูว่าเมืองนิวยอร์กมันเป็นยังไงบ้างครับ
มาร์คคริส: อยากนอนครับ ผมรู้สึกว่าช่วงนี้รู้สึกว่าพักผ่อนน้อย น้อยกว่าปกติแล้วก็รู้สึกว่าเริ่มกลับมาไม่สบาย แล้วก็อยากทำพาร์ทอื่นที่ไม่ใช่พาร์ททำงานบ้าง รู้สึกว่าช่วงนี้เรามีงานเยอะมาก แล้วก็มันเหมือนรู้สึกว่าการทำงานด้านนี้มันต้องมีความครีเอทีฟ แล้วพอไม่ได้ใช้ชีวิตมันรู้สึกว่าหัวไม่ค่อยครีเอทีฟขนาดนั้น รู้สึกว่าถ้าได้เจอโลกข้างนอกมากกว่านี้อาจจะมีไอเดียอะไรบางอย่างเกิดขึ้นมาครับผม

MF: อยากให้คนจำว่า AA & MARCKRIS คือศิลปินที่.. 
เอเอ: อยากให้คนจำเราเป็นศิลปินที่ดีครับ เป็นศิลปินที่เป็นคนไนซ์แล้วก็เป็นคนที่ไม่มีพิษมีภัย ตรงไปตรงมา อยากเป็นคนที่ไนซ์แล้วก็อยากเป็นคนที่ทุกคนรัก นอกจากนั้นอยากเป็นศิลปินที่เก่งด้วยครับ อยากเป็นศิลปินที่สามารถทำผลงานออกมาได้ด้วยตัวเอง แล้วก็อยากทำผลงานออกมาได้ดีครับ
มาร์คคริส: จำว่าเราเป็นศิลปินที่มีคุณภาพครับ เอาจริงๆ อยากให้คนตามที่ผลงาน ตามเพราะเขาชอบผลงานเรา ชอบเราในแบบที่เราเป็น อย่างให้คนมองเราแล้วมีแพสชั่นในการทำสิ่งที่เขาทำอยู่ อยากเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คน ก็หวังว่าอย่างน้อยขอเป็นส่วนเล็กๆ ที่ทำให้ทุกคนมีกำลังใจในการทำสิ่งที่ทุกคนทำอยู่ต่อไปครับผม

MF: มีศิลปินคนไหนที่อยากร่วมงานด้วยบ้าง
เอเอ: NJZ ครับ อยากร่วมงานด้วยเพราะว่าผมชอบเพลงเขามากๆ แล้วก็รู้สึกว่าอยากร้องเต้นเพลงเขาดู ถ้าได้ร่วมงานด้วยก็น่าจะสนุกดีครับ 
มาร์คคริส: ผมว่าเป็นคำถามยากมาก เพราะว่าก็อยากร่วมงานกับทุกๆ คนเลย ไม่ว่าจะเป็นใคร แล้วก็คิดว่ามันเป็นโอกาสใหม่ๆ ที่มีเข้ามาเสมอ ไม่ว่าใครจะชวนเข้ามา แล้วก็มีศิลปินที่ชื่นชอบเยอะมากๆ ด้วย ติดตามเยอะมากๆ ถ้าวันนึงได้ร่วมงานกับเขาก็รู้สึกดีใจมากๆ ครับ แล้วก็ขอบคุณมากๆ ที่สักวันนึงเราจะได้มีผลงานร่วมกันครับ ถ้าช่วงนี้ฟังเพลงใครบ่อยก็จะเป็น Justin Bieber, Harry Style, Keshi, Conan Gray แล้วก็ Olivia Rodrigo เยอะมากเลยครับ

MF: ให้พูดถึงลุคที่อีกฝ่ายถ่ายในวันนี้
เอเอ: วันนี้ได้มีโอกาสอยู่หลังกล้องช่วยพี่มาร์คเลือกลุคเลยครับ ผมรู้สึกว่าลุคที่มันออกมามันเท่มากแล้วก็มันเจ๋งดีมีความเป็นพี่มาร์คสูง ผมรู้สึกว่าพี่มาร์คเหมาะกับลุควันนี้มากๆ ครับ แล้ววันนี้มีลูกโป่งเข้ามาในรูปด้วยทำให้ลุคมันออกมาสวยมากแล้วก็มีลูกเล่นที่สนุกดีครับ คิดว่าลุคพี่มาร์คเหมาะกับพี่มาร์คดีครับ
มาร์คคริส: ลุคเอเอก็เป็นสไตล์ชิลๆ แบบแอบแกลมนิดหน่อย รู้สึกว่าเหมาะกับเอเอ เพราะว่ามันมีความหรูหราแบบไม่ตะโกน มีความเรียบง่ายแบบ casual everyday look ก็หล่อครับ หล่อมาก รู้สึกว่าเหมาะกับเอเอครับ

MF: 1 ประโยคให้กับลุคของตัวเอง
เอเอ: เรียบแต่โก้ ไฮแฟชั่น มีความแบบว่าน้อยแต่ว่าน้อยของมันมีน้อยชิ้นไม่เยอะครับ อาจจะมีแค่เลเยอร์นึง 2 เลเยอร์ แต่ว่าออกมาแล้วรู้สึกสวยแล้วก็ถ่ายออกมาแล้วเจ๋งมากเลยครับ ผมชอบมากทั้ง 2 ชุดเลย มีความเป็นเอเอ เป็นอะไรที่ผมจะอยากแต่งด้วยตัวเองครับ
มาร์คคริส: วันนี้เป็นคนคลูๆ ครับ

MF: เลือก 1 ไอเท็มที่เหมาะกับ BEUS
เอเอ: เป๋ามาร์คเจคอบส์ที่เป็นใบเล็กๆ รู้สึกว่าถ้ามาดูคอนเสิร์ตพวกเราก็อาจจะไม่อยากถือกระเป๋าหนักมาก ก็มาร์คเจคอบส์มีกระเป๋าไปเล็กๆ ที่สามารถใส่อะไรจุกจิกได้ครับ ก็วันหลังถ้ามาดูคอนก็ถือมาได้นะครับ สวยดีน่ารักด้วย
มาร์คคริส: อันนี้เหมือนเลือกให้ตัวเองมากกว่าเลย ผมเลือกกางเกงยีนส์มาร์คเจคอบ กางเกงยีนส์ที่ข้างหน้าเขียนว่ามาร์ค มาร์ค มาร์ค มาร์ค ครับ 

More from this stream

Recomended

DRAGON BALL GEKISHIN SQUADRA

DRAGON BALL GEKISHIN...

Charlotte Le Bon กับบทบาทใหม่ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Boucheron

Boucheron เมซงจิวเวลรี่ชั้นสูงจากประเทศฝรั่งเศส ประกาศแต่งตั้ง...

ทุกฤดูกาลคือการเดินทางของแรงบันดาลใจ กับ Dior Gold House

ในช่วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังโอบรับบรรยากาศแห่งความสุขและการเฉลิมฉลองปลายปี Dior ได้เผยโฉม Pop-up Store สุดพิเศษ ณ Dior...

Fendi 925 ความงามเชิงโครงสร้างที่เริ่มต้นจากหัวใจของงานฝีมือ

ในโอกาสครบรอบ 100 ปีของเมซง FENDI แบรนด์ได้เผยโฉมคอลเล็กชั่นเครื่องประดับผู้ชายใหม่ในชื่อ Fendi...

Loro Piana เปิดตัว Holiday Gifting Pop-up 2025

ในฤดูกาลที่บรรยากาศแห่งความอบอุ่นและความปรารถนาดี Loro Piana...