Redefining the Spotlight : Khunpol – Pongpol Panyamit

การเปลี่ยนผ่านจากนักแสดงสู่ศิลปิน การเดินทางครั้งใหม่ที่เปลี่ยนความกลัวให้เป็นพลัง สู่การค้นหาตัวตนที่แท้จริงในโลกดนตรี

MF: ปกติศิลปินมักเปลี่ยนจากงานดนตรีไปเป็นนักแสดง แต่คุณกลับเริ่มจากการแสดงไปสู่การเป็นนักดนตรี อะไรทำให้คุณตัดสินใจเดินทางในเส้นทางดนตรีตอนที่คุณเซ็นสัญญากับ 789 Survival?
ขุนพล: ผมมีความสงสัยอยากรู้เรื่องของดนตรีมาตลอดและแน่นอนว่ามันอยู่ในความสนใจของผมครับ แต่ผมไม่มีโอกาสในการก้าวสู่วงการนี้ขนาดนั้นครับ ปกติแล้วผมเป็นที่จดจำจากการเป็นนักแสดงซึ่งเป็นเส้นทางที่ผมเดินอยู่ในช่วงหนึ่ง แต่การทำดนตรีคือสิ่งที่ผมสนใจมาตลอดและผมต้องการที่จะลองทำมันครับ พ่อของผมไม่เหมือนผมตรงที่ว่าท่านรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเส้นทางอาชีพในวงการบันเทิงอยู่ตลอด พ่อเขารู้สึกว่าอุปสรรคในเส้นทางนี้เยอะมากและมักเชียร์ให้ผมเลือกเส้นทางอื่นที่มั่นคงกว่านี้ ดังนั้นตอนที่ 789 Survival ให้โอกาสมา ผมว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนเลยล่ะครับ ไม่เกี่ยวกับความฝันแต่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าผมมีความกล้าที่จะเสี่ยงและก้าวข้ามอุปสรรคครับ การที่ต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองไปพร้อมกับทำสิ่งที่ผมรักเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นและตอนนี้ผมก็ได้ลองลงมือทำงานดนตรีซึ่งต่อให้ไม่มีอะไรให้ลองมากนักแต่ผมก็พร้อมยิ่งกว่าพร้อมครับ โอกาสนี้ทำให้ผมได้เข้าไปสำรวจมุมหนึ่งของตัวเองที่ผมไม่เคยสำรวจมาก่อน ซึ่งทำให้ผมได้เรียนรู้มากกว่าที่ผมได้ลงมือทำอีกครับ 

MF: ทักษะหรือประสบการณ์เกี่ยวกับการแสดงอะไรบ้างที่คุณรู้สึกว่าเป็นประโยชน์ในการต่อยอดในเส้นทางดนตรี?
ขุนพล: ทักษะการแสดงที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดผมเอามาปรับใช้คือความสามารถในการสื่ออารมณ์และบอกเล่าเรื่องราวครับ การแสดงทำให้ผมเห็นว่าการเข้าถึงหลากอารมณ์แล้วตีความออกมาให้สมจริงมากที่สุด มันเป็นสิ่งที่ช่วยผมมากในตอนร้องเพลง นอกจากนี้ประสบการณ์ตอนอยู่ในกองสอนผมเรื่องการแสดงภายใต้ความกดดัน การทำงานเป็นทีม การเข้าถึงอารมณ์เวลาที่ความกดดันพุ่งสูงขึ้น ทักษะพวกนี้มากจาก 789 Survival โดยเฉพาะตอนที่ผมต้องเรียนรู้อะไรเร็วๆ หรือตอนถ่ายทอดสด ขณะที่ในดนตรีเป็นอีกโลกหนึ่ง ผมคิดว่าความมีวินัยและความพร้อมของจิตใจที่ผมได้เรียนรู้จากการแสดงเป็นพื้นฐานที่ดีในการต่อยอดครับ 

MF: มีบทเรียนไหนที่น่าจดจำสำหรับคุณบ้างจากช่วงเวลาในรายการ 789 Survival 
ขุนพล: หนึ่งในบทเรียนค่ามากที่สุดที่ผมได้เรียนรู้จากรายการนี้คือการอยู่กับปัจจุบันครับ ตอนแรกๆ ผมก็มองแค่ผลลัพธ์ในการที่จะพัฒนาตนเอง การเข้ากับคนอื่น พิสูจน์ตัวเองจนลืมที่จะหยุดและสังเกตผู้คน ประสบการณ์และสิ่งต่างๆรอบๆ ตัวผม แต่การได้อยู่ร่วมคนหลายๆ คน ที่มาจากที่ต่างๆ สอนให้ผมรู้ความสำคัญของการเปิดใจและสร้างสัมพันธ์กับคนรอบข้างและอยู่กับปัจจุบัน ผมพบว่ามันโอเคที่จะช้าลงบ้าง หัวเราะ หรือลองทำอะไรใหม่ๆ ที่นอกเหนือคอมฟอร์ทโซนของตัวเอง สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมเข้าใจว่าความสำเร็จไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทาง แต่รวมถึงคนที่เราได้เป็นจากสิ่งที่เราเรียนรู้ระหว่างทางและมีความสุขไปกับจุดหมายที่เราตั้งไว้ครับ 

MF: คุณจะตอบโต้กลับกับคนที่บอกเพลงไอดอลในวงการ ทั้ง K-pop และ T-pop เหมือนกันอย่างไร? อะไรคือสิ่งที่ทำให้ BUS พิเศษจริงๆ ?
ขุนพล: ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้ BUS พิเศษจริงๆ คือความเข้ากันได้แบบธรรมชาติของพวกเราครับ เราคือกลุ่มคนที่เป็นคนสบายๆ ช่วยเหลือกันและกัน และมีความผูกพันอย่างแท้จริง สิ่งพวกนี้เห็นได้ชัดเวลาที่เราทำงานหรือแสดงด้วยกันครับ K-pop เป็นแรงบันดาลใจให้เราก็จริงแต่เราไม่ได้ยึดติดกับวิธีการใดวิธีการหนึ่ง เราเรียนรู้ แตกแขนง และพยายามค้นหาเสียงของตัวเอง สมาชิกแต่ละคนใน BUS มีรสนิยมและอิทธิพลทางดนตรีต่างกัน จึงทำให้เพลงของเราผสมผสานหลากหลายแนว ทั้ง ป๊อป ฮิปฮอป R&B เป็นต้น เราไม่ยึดติดกับแนวใดแนวหนึ่ง และอิสระตรงนี้แหละครับที่ทำให้เราสร้างผลงานใหม่ๆและสะท้อนตัวตนของเราจริงๆ 

MF: แล้วด้านอื่นๆ ของดนตรีล่ะ คุณอยากลองทำอะไรหลังจากนี้? ในอนาคตคุณอยากลองทำโปรดักชั่น แต่งเพลง หรือการเป็นศิลปินเดี่ยวไหม?
ขุนพล: ช่วงหลังๆ มานี้ผมเริ่มสนใจดนตรีแนวอินดี้มากขึ้นครับ เริ่มมาจากที่ผมได้ไปดูคอนเสิร์ตของ Phum Viphurit ทั้งบรรยากาศ การเล่าเรื่อง และความอิสระในการแสดงบนเวทีของเขาทำให้ผมประทับใจมาก นอกจากนี้ผมเริ่มฟังเพลงของ HYBS เยอะขึ้น ซึ่งเปิดมุมมองผมให้เห็นด้านที่แตกต่างของดนตรีที่มีความเป็นปัจเจกและลองผิดลองถูกมากขึ้น มันทำให้ผมอยากลองทำซาวด์ใหม่ ๆ ที่ไม่คาดไม่ถึงว่าจะไปในทางไหนได้บ้าง ผมยังได้รับแรงบันดาลใจมากจาก V จาก BTS โดยเฉพาะเพลง ‘Slow Dancing’ ของเขา มีโชว์หนึ่งที่ V พามาขึ้นเวทีด้วย ซึ่งผมว่าเท่มาก จนผมจินตนาการถึงวันที่ผมกล้าทำอะไรแบบนั้นบนเวทีได้บ้างครับ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการแต่งเพลง ลองทำเพลงแนวใหม่ๆ หรือทำโปรเจกต์เดี่ยว ผมก็อยากที่จะลองทำทั้งหมด อยากรู้เหมือนกันครับว่าผมจะเติบโตเป็นศิลปินแบบไหน

MF: การกลับมาร่วมงานกับ PP Krit อีกครั้ง ในมิวสิกวิดีโอเมื่อปีที่แล้วเป็นอย่างไรบ้าง? คุณเห็นการเติบโตของกันและกันอย่างไรตั้งแต่เดบิวต์การแสดงในปี 2020?
ขุนพล: ผมดีใจมากครับที่ได้ร่วมงานกับพีพีอีกครั้งในเอ็มวีของเขาเมื่อปีที่แล้ว พวกเราสนุกกันมาก ผมสนุกกับการเดินเล่นและสำรวจปารีสกับเขา นั่นเป็นโปรเจกต์ต่างประเทศแรกของผมเลย เปิดโลกมากครับทั้งในแง่ส่วนตัวและเรื่องงาน การกลับไปทำงานแสดงอีกครั้งหลังจากเว้นช่วงไปนาน ผมรู้ตัวเลยว่ายังมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ ผมไม่ได้ทำแบบนี้มานานแล้ว จึงรู้สึกต้อง ‘เรียกฟอร์ม’ กลับมา แต่ผมก็สนุกกับทุกวินาที การได้ร่วมงานกับพีพีอีกครั้งทำให้ผมหันกลับมามองว่าเราทั้งสองโตขึ้นมากตั้งแต่ปี 2020 ถึงพวกเราจะเดินทางคนละสาย เจออุปสรรคต่างกัน แต่เราก็ยังมีสายสัมพันธ์ที่แข็งแรง และมันรู้สึกเป็นธรรมชาติมากครับที่ได้กลับมาอยู่ในกองถ่ายด้วยกันอีกครั้ง

MF: คุณรู้สึกใกล้ชิดกับแฟนๆ ของคุณมากที่สุดเมื่อไหร่?
ขุนพล: ผมรู้สึกว่าผมใกล้ชิดกับแฟนๆ มากที่สุดตอนแสดงคอนเสิร์ตครับ โดยเฉพาะคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของพวกเรา BUS: Light the World The First Concert มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนเคย โปรดักชั่นก็ยิ่งใหญ่มากแถมเป็นคอนเสิร์ตที่มีโซโล่ของพวกเราด้วย เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าได้แสดงตัวตนอย่างเต็มที่ต่อหน้าผู้คนมากมาย พลังจากคนดูมันสุดยอดจริงๆ ครับ ผมชอบมากที่เราได้ใกล้ชิดกับแฟนๆ BEUS ตลอดการแสดง เห็นหน้าพวกเขา ได้ยินเสียงร้องตาม แชร์โมเมนต์เหล่านั้นด้วยกัน มันทำให้ผมรู้สึกขอบคุณมาก และรู้สึกผูกพันในแบบที่อธิบายยาก เป็นอะไรที่ผมจะไม่มีวันลืมครับ

MF: เหล่าแฟนๆ คาดหวังอะไรได้บ้างจากคุณและ BUS ต่อจากนี้? มีโปรเจกต์การแสดงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตไหม?
ขุนพล: พวกเราเพิ่งทำอัลบั้มแรกเสร็จหลังจากปล่อยซิงเกิลไป 8 เพลงครับ มันเป็นการเดินทางที่มหัศจรรย์มาก ตอนนี้เรากำลังทำงานหนักเพื่อสร้างเพลงใหม่ แฟนๆ จะได้ฟังอะไรใหม่ๆ และแตกต่างจากเดิมแน่นอน พวกเรามักจะลองแนวเพลงและคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ อยู่เสมอ ดังนั้นโปรเจกต์หน้าจะมี vibe ที่ไม่เคยเห็นหรือได้ยินจาก BUS มาก่อนแน่นอนครับ พวกเราตื่นเต้นกันมากๆ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวไปกับทุกๆ คน ส่วนงานแสดงนั้น ไม่มีใครรู้ครับว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง ผมเปิดใจรับความท้าทายใหม่ๆ เสมอครับ ถ้ามีโปรเจกต์ที่ใช่เข้ามา ผมก็ยินดีที่จะกลับไปเล่นละครอีกครั้งเช่นกัน

More from this stream

Recomended

GEL-KAYANO™ 32 ที่วิ่งนุ่ม กระชับ เพื่อทุกก้าวที่มั่นใจ

ในโลกของการวิ่งที่ไม่หยุดนิ่ง ASICS ยังคงยึดมั่นในหลักการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับนักวิ่งทุกคน...

คลาสสิกแต่ทันสมัย กับลุคที่สะท้อนตัวตนในแบบ Saint Laurent

ในโลกของแฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีไม่กี่แบรนด์ที่สามารถรักษาจิตวิญญาณของความหรูหราเหนือกาลเวลาเอาไว้ได้อย่างมั่นคง และหนึ่งในนั้นคือ...

เนี๊ยบแต่มีคลาสกับ Mandarin Collar Polo จาก Jim Thompson

หลังจากเดินหน้าเขย่าวงการแฟชั่นมาอย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้ Jim Thompson...

รวมไฮไลต์ “WWDC 2025” – Apple ลุยเต็มสูบ นำทีม AI!

เมื่อโลกเทคโนโลยีหมุนไปอย่างรวดเร็ว ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ WWDC...