GUCCI: THE ART OF SILK

จากอดีตจนถึงปัจจุบันเปิดอาร์ไคว์ฟผ้าพันคอไหม Gucci สู่ประวัติศาสตร์แห่งโลกแฟชั่น

“การเข้าถึงอาร์ไคว์ฟผลงานแฟชั่นจากอดีตถือเป็นการฝึกฝนการสังเกตและการตีความอย่างไม่รู้จบ สำหรับอาร์ไคว์ฟผลงานผ้าพันคอนั้นเปรียบเสมือนการเปิดหน้าหนังสือนิทาน…” — Gucci: The Art of Silk

Gucci: The Art of Silk หนังสือเล่มแรกที่เจาะลึกลงไปถึงเรื่องราวของผ้าพันคอไหมอันเป็นเอกลักษณ์จากคลังผลงานอันทรงคุณค่า ซึ่งตั้งอยู่ในพระราชวังเมืองฟลอเรนซ์อันเก่าแก่จากศตวรรษที่ 15 โดยหนังสือพาผู้อ่านย้อนรอยประวัติศาสตร์ของเครื่องประดับชิ้นไอคอนิกนี้ ตั้งแต่ถูกมอบให้เป็นของขวัญแด่เจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก ตลอดไปจนถึงการกลับมาโลดแล่นแต่ละครั้งจากจินตนาการของครีเอทีฟไดเร็กเตอร์แต่ละคน ทั้ง Tom Ford, Frida Giannini, Alessandro Michele และ Sabato de Sarno

ในแต่ละหน้าจะได้ค้นพบที่มาของผ้าพันคอไหมในแต่ละยุคสมัยที่สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์ของ Gucci ในฐานะ “ตระกูลเมดิชิแห่งยุคใหม่” อิทธิพลของยุคเรอเนซองส์เมือง ฟลอเรนซ์ งานฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องผ่านชุดภาพภายในสตูดิโอของ Gucci ที่ไม่เคยเผยแพร่มาก่อน พร้อมสะท้อนพลังของเหล่าคนดังและชนชั้นสูงตั้งแต่ Harry Styles ไปจนถึงสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 รวมถึงบทบาทของศิลปะแบบร่วมสมัย ซึ่งถ่ายทอดผ่านโปรเจ็กต์ล่าสุด “90×90” ที่นำเสนอผ้าพันคอไหมรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น จำนวน 9 ผืนจากฝีมือของศิลปินชั้นแนวหน้า 9 คน

ตัวกล่องและปกของหนังสือตกแต่งด้วยลวดลาย Flora ที่มาพร้อมดอกไม้นานาพันธุ์ พืชพรรณ และแมลงกว่า 43 ชนิด ในเฉดสีแตกต่างกันถึง 37 สี ทั้งหมดถูกวาดขึ้นด้วยมือโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานศิลปะ Allegory of Spring ของ Botticelli หนังสือ Gucci: The Art of Silk อัดแน่นไปด้วยภาพประกอบสุดตระการตาตลอดทั้งเล่มที่เชื่อมโยงเรื่องราวของเมือง               ฟลอเรนซ์ มิลาน และโคโม เข้ากับศิลปะแห่งผืนผ้าพันคอไหม จากผู้สร้างไปจนถึงผู้สวมใส่

เส้นทางสู่ศิลปะแห่งการรังสรรค์ผ้าไหมของ Gucci ถือกำเนิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1950 ก่อนจะกลายเป็นรากฐานสำคัญของความหรูหราและงานฝีมือชั้นสูงที่คงอยู่จวบจนถึงทุกวันนี้ ดีไซน์ของลวดลายช่วงแรกได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องหนังที่สะท้อนถึงมรดกทางศิลปะของ Gucci และในปี 1958 Gucci ได้มอบนิยามใหม่ให้กับศิลปะผ้าไหมแห่งอนาคต โดยร่วมมือกับผู้ผลิตผ้าไหมชื่อดังจากเมืองโคโม ประเทศอิตาลี เพื่อรังสรรค์ Tolda di Nave ผ้าพันคอลวดลายสไตล์การเดินเรือซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมด้านผ้าไหมที่สืบทอดมายาวนานหลายทศวรรษ

ตลอดทศวรรษ 1960 Gucci ได้ยกระดับการออกแบบผ้าพันคอขึ้นไปอีกขั้นด้วยการร่วมมือกับ Vittorio Accornero de Testa นักวาดภาพประกอบชื่อดัง ด้วยความโดดเด่นจากลวดลายที่มาพร้อมรายละเอียดอันวิจิตรในเฉดสีสันสดใส ส่งให้ผ้าพันคอ Gucci กลายเป็นไอเท็มสุดไอคอนิกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ช่วงระหว่างปี 1960 ถึง 1981 Accornero ยังได้ร่วมออกแบบผ้าพันคอกว่า 80 ลาย ซึ่งล้วนแปรเปลี่ยนผืนผ้าไหมให้กลายเป็นงานศิลปะที่สวมใส่ได้จริง เมื่อผ้าพันคอไหมได้กลายเป็นส่วนสำคัญในอัตลักษณ์ของ Gucci จึงมีการออกแบบในธีมลวดลายที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลายดอกไม้ สัตว์ การเดินเรือ การขี่ม้า ตลอดจนลายโมโนแกรม GG และ Gucci script ในปี 1969 ผ้าพันคอไหมก้าวข้ามความเป็นเพียงแค่เครื่องประดับไปสู่การนำมาเสริมกับเสื้อผ้า โดยการนำลายของผ้าพันคอมาใช้บนเสื้อเชิ้ตและชุดเดรสซึ่งยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน เห็นได้จากลวดลายผ้าไหมต่างๆ ที่มักปรากฏอยู่ในคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าของ Gucci ตลอดมา

ลาย Flora

หนึ่งในดีไซน์แห่งตำนานของ Gucci คือผ้าพันคอลาย Flora ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในปี 1966 เพื่อมอบเป็นของขวัญแด่เจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก ผลงานชิ้นนี้ออกแบบโดย Vittorio Accornero de Testa ตามความปรารถนาของ Rodolfo Gucci ที่ต้องการมอบชิ้นงานแสนพิเศษนี้ให้แก่พระองค์โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น 

ลวดลายดอกไม้นานาพรรณกว่า 27 ชนิด พร้อมผลเบอร์รี่ ผีเสื้อ และแมลง ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยเฉดสีกว่า 37 เฉด โดยแต่ละสีได้รับการพิมพ์ลงบนผืนผ้าด้วยกระบวนการอันซับซ้อนอย่างพิถีพิถัน สะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในงานฝีมือ ต่อมาลวดลาย Flora ยังถูกนำไปใช้บนชุดเดรสผ้าไหมที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 1969 ก่อนจะได้รับการตีความใหม่ในหลายๆ ครั้งจากจินตนาการของครีเอทีฟไดเร็กเตอร์แต่ละคนที่ผสานเอกลักษณ์ของตนแต่ยังคงเสน่ห์ความคลาสสิกนี้เอาไว้

ลวดลายแห่งการเดินเรือ

Gucci ประเดิมลวดลายจากโลกแห่งการเดินเรือด้วยลาย Tolda di Nave ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกับ Fiorio ในช่วงทศวรรษ 1950 และถูกสานต่ออีกครั้งในช่วงทศวรรษ 1960 ผ่านจินตนาการของ Accornero ที่นำลวดลายท้องทะเลมาเป็นองค์ประกอบสำคัญบนผ้าพันคอไหม

ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1970 Gucci เปิดตัวลาย Marina Chain ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโซ่สมอเรือ ลวดลายนี้ถูกนำมาใช้กับเครื่องประดับและแอคเซสเซอรี่ต่างๆ ก่อนจะประยุกต์เข้ากับผ้าพันคอและเสื้อผ้า ดีไซน์สายโซ่ที่ถักทอเป็นลายสุดประณีตพร้อมสะท้อนความหรูหราของการเดินเรือได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้ Sabato De Sarno ในการสร้างสรรค์คอลเล็กชั่นเครื่องประดับในปี 2023 ตอกย้ำให้เห็นถึงเสน่ห์ความงามอันไร้กาลเวลา

ลาย Animalia

ลวดลายสัตว์เป็นส่วนหนึ่งในงานดีไซน์ของ Gucci มาอย่างยาวนานนับตั้งแต่การเปิดตัวลายพิมพ์ Animalia ของ Vittorio Accornero ในปี 1969 โดดเด่นด้วยภาพสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นสิงโต นก และผีเสื้อ ที่เต็มไปด้วยความสดใสมีชีวิตชีวา โดยตลอดช่วงทศวรรษ 1970 ถึง 1990 ได้นำมาใช้กับเนกไท ผ้าพันคอ และเสื้อผ้าต่างๆ มากมาย 

ลายโมโนแกรม GG

ลายโมโนแกรม GG เปิดตัวในปี 1969 โดยพัฒนามาจากลาย Diamante ดั้งเดิมของแบรนด์ ตัวอักษร G ที่เกี่ยวกันพร้อมเรียงตัวเป็นรูปทรงข้าวหลามตัดปรากฏขึ้นครั้งแรกบนกระเป๋าเดินทาง ก่อนจะถูกนำมาใช้กับผ้าพันคอ เนคไท และเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์ ความเรียบหรูของลวดลายได้กลายเป็นเอกลักษณ์ความหรูหราของ Gucci ที่ยังคงได้รับความนิยมจนถึงทุกวันนี้

อิทธิพลจากโลกแห่งการขี่ม้า

มรดกจากโลกแห่งการขี่ม้าของ Gucci ได้หล่อหลอมงานออกแบบผ้าไหมมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1950 ลวดลายช่วงแรกเริ่มนำเสนอความงามสง่าของกิจกรรมกลางแจ้งอย่างการขี่ม้า การตีกอล์ฟ และการตกปลา ซึ่งต่อมาได้พัฒนาให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้นด้วยสองสัญลักษณ์อย่างแถบ Gucci Web ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแถบผ้ารัดอานม้า และ Horsebit สัญลักษณ์ห่วงคู่และบาร์โลหะที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการขี่ม้าเช่นกัน หลังจากนั้นสัญลักษณ์ทั้งสองได้กลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญของ Gucci ที่นำมาประดับบนกระเป๋า รองเท้า เข็มขัด เครื่องประดับ ผ้าพันคอ และเสื้อผ้าต่างๆ โดยผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับความร่วมสมัยไว้

ต่อมาในช่วงทศวรรษที่ 1980 ยังคงสานต่อสายสัมพันธ์ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันระดับโลกอย่าง Piazza di Siena ณ กรุงโรม โดยได้รังสรรค์ผ้าพันคอที่ระลึกสำหรับโอกาสพิเศษนี้ที่อีกทั้งในปี 2009–2014 ยังเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขัน Paris Masters พร้อมออกแบบผ้าพันคอรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นที่ถ่ายทอดความหลงใหลในศิลปะแห่งการขี่ม้าอย่างแท้จริง

More from this stream

Recomended

Seiko นำทีม เปิดศักราชใหม่แห่งเรือนเวลาระดับตำนาน

Seiko แบรนด์นาฬิกาชั้นนำกลับมาสร้างความตื่นเต้นให้วงการอีกครั้ง กับงาน...

KANORI Hand Roll Bar เปิดประสบการณ์คำต่อคำใน “Premium Five“

ในยุคที่ผู้คนใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบและต้องการความสะดวกสบายในทุกด้าน แม้แต่เรื่องอาหารที่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการดำรงชีวิต ที่มีความต้องการในอาหารที่ทั้งอร่อย...

Spotify ดึงพลังเสียงดูแลใจ กับกิจกรรม “Pause & Play”

ในยุคที่ผู้คนต้องเผชิญกับความวุ่นวายและเสียงรบกวนรอบตัว การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม หรือที่เรียกว่า...

Holy Night: Demon Hunters

ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ เผยภาพสติลใหม่ภาพยนตร์แนวแอ็คชันระทึกขวัญ...

OMNISCIENT READER: THE PROPHECY

นับถอยหลังสู่หายนะวันสิ้นโลก กับ OMNISCIENT...