MF: แนะนำตัวกับชาว Men’s Folio Thailand
เจษ: สวัสดีครับ เจษ เจษฎ์พิพัฒ ครับผม
MF: ผลงานช่วงนี้ของ เจษ และผลงานในอนาคต
เจษ: ผลงานช่วงนี้หรอครับ ซีรีย์ก็จบไปแล้ว ละครก็จบไปแล้วเหมือกัน ก็จะเป็น Fancon ที่เรากำลังพยายามไปในหลาย ๆ ที่ที่เราได้แพลนกันไว้ครับ ตอนนี้ก็มีที่ Confirm แล้วแต่ยังไม่ได้ไปคือ กัมพูชากับบลาซิลครับ แล้วก็อาจจะมีหลาย ๆ ที่แทรกระหว่างนั้น
MF: ได้ยินมาว่าเจษไม่ชอบดูตัวเองในทีวีทั้งที่อยู่ในวงการมามากกว่า 10 ปี
เจษ: ใช่ ไม่เคยดูเลยครับ ดูแล้วชอบติตัวเองแล้วก็รู้สึกว่าแบบงานทำที่เราทำไปเราทำได้ดีกว่านั้นอีกแล้วเราก็จะนอยเลยเลือกที่จะดูบ้างแต่ไม่ได้ดูทั้งเรื่องดูว่าต้องไหนที่มันต้องแก้จริง ๆ จะพยายามไม่ดูมากเพราะดูมากแล้วมันรู้สึกแย่ ก็ไม่แย่หรอกแต่รู้สึกว่าทำไมตอนนั้นเราไม่ทำให้ดีกว่านี้มันจะเซ็ง ๆ นิดนึง
MF: แล้วเจษมีวิธีจัดการกับความนอยความเซ็งที่เกิดขึ้นยังไงบ้าง
เจษ: จริง ๆ แล้วบางทีสิ่งที่ออกมามันอาจจะดีแล้วก็ได้สำหรับมวลรวมอะครับ แต่ว่าเราดูในฐานะคนดูไม่ได้เราดูในฐานะที่เราเป็นนักแสดงเองเพราะงั้นเราเลยจะรู้ว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่เรารู้สึกอะไรทำไมมันถึงไม่ได้แบบที่เราต้องการ 100% ซึ่งจริง ๆ แล้วนั่นก็เป็นเสน่ห์ของการแสดงสำหรับผม ทุก ๆ วันมันจะไม่เหมือนกัน ทุก ๆ เทป ทุก ๆ ฉาก มันจะไม่เหมือนกัน การจัดการความเซ็งของเราก็แค่ต้องเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วคนดูเขาไม่ได้ดูละครหรือซีรีย์ในมุมมองของเรา เขามองในมุมมองของคนดูดูเป็นภาพรวมซึ่งโอเค Feedback จากคนดูประมาณ 90 % บอกว่าดี เราก็ต้องเชื่อเขา เราชื่อตัวเองไม่ได้ว่ามันยังไม่ดี ซึ่งก็ช่วยให้เราหายเซ็งขึ้นได้
MF: แล้วเจษมีวิธีจัดการกับความนอยความเซ็งที่เกิดขึ้นยังไงบ้าง
เจษ: จริง ๆ แล้วบางทีสิ่งที่ออกมามันอาจจะดีแล้วก็ได้สำหรับมวลรวมอะครับ แต่ว่าเราดูในฐานะคนดูไม่ได้เราดูในฐานะที่เราเป็นนักแสดงเองเพราะงั้นเราเลยจะรู้ว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่เรารู้สึกอะไรทำไมมันถึงไม่ได้แบบที่เราต้องการ 100% ซึ่งจริง ๆ แล้วนั่นก็เป็นเสน่ห์ของการแสดงสำหรับผม ทุก ๆ วันมันจะไม่เหมือนกัน ทุก ๆ เทป ทุก ๆ ฉาก มันจะไม่เหมือนกัน การจัดการความเซ็งของเราก็แค่ต้องเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วคนดูเขาไม่ได้ดูละครหรือซีรีย์ในมุมมองของเรา เขามองในมุมมองของคนดูดูเป็นภาพรวมซึ่งโอเค Feedback จากคนดูประมาณ 90 % บอกว่าดี เราก็ต้องเชื่อเขา เราชื่อตัวเองไม่ได้ว่ามันยังไม่ดี ซึ่งก็ช่วยให้เราหายเซ็งขึ้นได้
MF: ในช่วง 10 กว่าปีมานี้มีบทไหนที่เจษยังไม่เคยเล่นแล้วอยากลองเล่นบ้าง
เจษ: บทที่ไม่เคยเล่นเลยนึกไม่ออก แต่ว่าไม่ค่อยได้เล่นหนังผีเท่าไหร่เท่าที่นึกออกนะครับ เพราะว่าเมื่อก่อนจะเป็นละคร ละครผีมันก็ไม่ได้เยอะมากส่วนใหญ่ผีก็จะเป็นหนังซึ่งเราก็ไม่เคยลองเล่นหนังผีเลย มีใกล้เคียงแต่ก็ยังไม่ใช่ขนาดนั้น
MF: พูดถึงเรื่องแฟชั่นบ้างปกติสไตล์การแต่งตัวเป็นยังไง
เจษ: ผมจะเน้นสะดวกเลยครับ เน้นง่าย เสื้อยืดกางเกงยีนส์ เสื้อขาวเสื้อดำเสื้อเทาจะเน้นคุมโทนไม่ค่อยจะมีเสื้อสีแบบสีเหลืองสีแดงสีเขียวจะไม่ค่อยใส่ ส่วนใหญ่จะเป็นกางเกงยีนส์ สบาย ๆ หน่อยก็จะเป็นกางเกงวอร์ม รองเท้าผ้าใบ รองเท้าบู้ทบ้างครับ แต่ไม่ใช่คนที่แต่งตัวจัดขนาดนั้นครับ
MF: ไอเท็มที่ขาดไม่ได้หล่ะ
เจษ: นาฬิกาครับ นาฬิกาข้อมือต้องมีออกมาทุกวันไม่งั้นจะรู้สึกว่าเราแต่งตัวไม่ครบ
MF: แอบเห็นว่าเจษใส่นาฬิกาบ่อยเป็นคนที่ชอบนาฬิกาอยู่แล้ว นาฬิกาแบบไหนที่ใส่เป็นประจำ
เจษ: ใช่ครับ เราชอบนาฬิกาอยู่แล้ว เรือนที่ใส่ประจำจะเป็นสายยางแล้วก็จะมีอีกเรือนที่ใส่เป็นสายหนังเพราะว่าเป็นคนชอบใส่นาฬิกาเบา ๆ ถ้าใส่ทุกวันเป็น Routine จะไม่ใส่นาฬิกาที่เป็นสายเหล็กหรือว่าหนักมากเพราะว่าบางทีจะรู้สึกว่าอึดอัดนิดนึงยกเว้นถ้าไปงาน แต่ถ้าใส่ทุกวันก็จะเป็นสายยาง เป็นนาฬิกาเรือนโปรดแล้วก็เป็นนาฬิกาเรือนแรกเลย
MF: มี Bucket List ที่อยากทำ หรืออะไรที่ทำสำเร็จไปแล้วบ้าง
เจษ: ถ้าอยากทำในช่วงนี้เลย.. ผมอยากไปตีกอล์ฟที่ต่างประเทศครับ สนามต่างประเทศเป็นทริปกอล์ฟกับคนที่สนิทอย่างพี่ชาย คนที่สนิท แล้วก็อาจจะไปเดือนนึงไปตีกอล์ฟหลาย ๆ ที่ หาสนามตีไปเรื่อย ๆ ผมว่าน่าจะเป็น Vibe ที่สนุกดี ส่วนที่ที่อยากไปจะเป็นที่อเมริกาครับโซนแคลิฟอร์เนีย เพราะเราไม่เคยไปเที่ยวด้วยแล้วก็ได้ยินว่าสนามกอล์ฟมันเยอะ
MF: เข้าสู่ช่วงเดือนสุดท้ายของปีอยากให้รีแคปปีที่ผ่านมา
เจษ: ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่สนุกมากครับ เป็นปีที่ได้ทำอะไรที่เราไม่เคยได้ทำมาก่อนเลยในวงการหลายอย่างมาก ๆ นอกจากการเป็นนักแสดง ไม่ว่าจะโชว์ที่ทั้งร้องทั้งเต้นอะไรต่าง ๆ นา ๆ ที่เราไม่เคยได้ทำก็มาทำใน Fancon 4 Minutes ได้เจอคนต่าง ๆ กลุ่มที่เราไม่เคยเจอที่ไม่ใช่แฟนละครจ๋า เป็นแฟนซีรีย์ที่เด็กลงหน่อย ก็จะมีหลายอย่างที่เหมือนกันแต่ก็ไม่เหมือนกันสำหรับความเป็นแฟนคลับ แล้วก็ได้ไปทำงานต่างประเทศหลาย ๆ ที่ที่เราไม่เคยไปด้วยซ้ำแต่ไปครั้งแรกคือการไปทำงาน ได้เจอแฟน ๆ ต่างชาติเยอะขึ้นมากด้วยจากการเล่นซีรีย์ 4 Minutes ก็ถือว่าเป็นปีที่สนุกแล้วก็หลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น มีความสุขกับชีวิตมากขึ้นครับ
MF: แพลนในปีหน้าของเจษ
เจษ: ปีหน้าอยากจะเป็นนักแสดงที่เล่นอะไรที่ไม่เหมือนเดิมเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าเมื่อก่อนเวลาเราเล่นละครอย่างเดียวเราก็จะสามารถทำอะไรได้ไม่มากเพราะว่า Genre ของละครมันไม่เยอะเท่า Genre ของซีรีย์หรือว่า Genre ของหนัง แต่ว่าตอนนี้คนยอมรับเราในฐานะนักแสดงแล้วประมาณนึงผมว่าโอกาสต่าง ๆ ที่เข้ามามันมีอะไรหลายอย่างที่เราอยากลองออกจากกรอบไปมากกว่าที่ในปีนี้ อยากจะลองทำอะไรที่คนไม่คิดว่าเราจะเล่นเลยมันน่าจะสนุกกับตัวผมด้วยแล้วก็คนที่ตามดูเราด้วย