“We Will Always Have London”
Gucci เผยแคมเปญล่าสุด “We Will Always Have London” ผลงานสร้างสรรค์โดย Sabato De Sarno ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ นำเสนอเอกลักษณ์ของกระเป๋า Gucci Blondie และ Gucci Cruise 2025 ผ่านสองศิลปิน Debbie Harry และ Kelsey Lu ด้วยผลงานถ่ายภาพโดย Nan Goldin ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวของผู้คน สถานที่ และช่วงเวลาต่างๆ สะท้อนถึงความเป็นนิรันดร์ของกรุงลอนดอน เมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และอิทธิพลในโลกแฟชั่นและศิลปะ เป็นเหมือนบทกวีแห่งเสน่ห์อันน่าหลงใหลเหนือกาลเวลาแห่งกรุงลอนดอน รวมถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่าง Gucci และเมืองแห่งนี้
แคมเปญล่าสุดของ Gucci ในภายใต้การสร้างสรรค์ของ Sabato De Sarno ได้ชูแนวคิดใหม่ที่สะท้อนการพัฒนาและมุมมองที่ลึกซึ้งในแต่ละคอลเลกชั่นของแบรนด์ ตั้งแต่ Spring/Summer 2024 ไปจนถึง Fall/Winter 2024 แคมเปญนี้นั้นได้เล่าเรื่องราวผ่านกรุงลอนดอน เมืองที่เป็นต้นแบบในด้านดนตรี ศิลปะ และวัฒนธรรม โดยเฉพาะในแคมเปญ Gucci Cruise 2025 ที่สะท้อนความหลงใหลของ Gucci ต่อเมืองนี้ การเชื่อมโยงระหว่าง Guccio Gucci ผู้ก่อตั้งแบรนด์กับลอนดอนเริ่มต้นเมื่อเขานั้นได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ยกกระเป๋าที่โรงแรม Savoy ในวัยเยาว์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาได้สัมผัสกับกลิ่นอายของภาพลักษณ์อันสง่างามรวมถึงสัมผัสกับความหรูหราของชนชั้นสูงจากทั่วโลก ประสบการณ์นี้จึงเป็นจุดประกายให้ก่อตั้ง Gucci ในปี 1921 และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับเมืองลอนดอนที่ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน แคมเปญ “We Will Always Have London” จึงเป็นการเฉลิมฉลองการสร้างสรรค์และความผูกพันของ Gucci กับเมืองแห่งนี้ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
Nan Goldin ช่างภาพและผู้กำกับภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลมากมาย ได้ร่วมถ่ายทอดมุมมองที่เฉียบแหลมในแคมเปญ “We Will Always Have London” ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องแบบสารคดีที่ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยพลังดึงดูด โดยในการถ่ายภาพแคมเปญนี้ ได้ใช้เทคนิคการจับจังหวะอารมณ์ของผู้แสดงแบบ ซึ่งทำให้การเล่าเรื่องในแง่ของแฟชั่นมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น เกินกว่าที่จะเป็นเพียงแค่การสื่อภาพบนรันเวย์ แคมเปญนี้ติดตามผู้แสดงแบบในหลากหลายสถานที่ของกรุงลอนดอนในยามค่ำคืน สร้างภาพลักษณ์ที่ผสมผสานความคลาสสิกและความร่วมสมัยได้อย่างกลมกลืน พร้อมสะท้อนจิตวิญญาณที่เป็นอิสระและพลังสร้างสรรค์ของ Sabato De Sarno
สำหรับ Debbie Harry ศิลปินไอคอนผู้เป็นทั้งผู้ร่วมก่อตั้งและนักร้องนำของวง Blondie กับจิตวิญญาณ แห่งความเป็นผู้นำแห่งสไตล์ และผู้ทรงอิทธิพลด้านดนตรี ที่ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปินรุ่นต่อๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยในแคมเปญนี้เธอได้ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวร่วมกับ Kelsey Lu ศิลปิน นักเชลโล และ นักแต่งเพลงแห่งยุค ทั้งคู่ยังเป็นตัวแทนของการหลอมรวมเรื่องราวแห่งอดีตและอนาคตเข้าไว้ด้วยกัน
ซึ่งเป็นใจความสำคัญที่ Gucci พยายามมองหาอยู่เสมอมา และทั้งสองยังได้ผสานความเป็นตัวตนไปกับจิตวิญญาณของกระเป๋า Gucci Blondie อันเฉพาะตัวเหนือกาลเวลา ซึ่งถูกนำกลับมาบอกเล่าเรื่องราวบทใหม่ ในคอลเลกชั่นครูซ 2025 นอกจากนี้ในแคมเปญยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของกรุงลอนดอนด้วยภาพของรถแท็กซี่อันเป็นไอคอนิกและบรรยากาศตามสถานที่ต่างๆ
เรียกได้ว่าผลงานคอลเลกชั่นนี้เป็นการสะท้อนภาพของความกล้าหาญและละเอียดอ่อน โดย Gucci Cruise 2025 ยังคงดำเนินเรื่องราวระหว่างอดีตและอนาคต ซึ่งผสานไว้ด้วยองค์ประกอบที่ขัดแย้งบทบริบทของการเปิดรับโอบกอดในความแตกต่าง อย่างการตกแต่งด้วยงานปักประดับและงานลูกไม้อันบอบบางมาพบกับงานขึ้นโครงร่าง ตัดเย็บเฉียบคมของชุดเสื้อหนาว ซึ่งเป็นการค้นพบที่น่าค้นหาของความต่างขั้วกัน สุดท้ายนี้ใจความสำคัญของแคมเปญกระเป๋า Gucci Blondie ที่ไม่ใช่เพียงแอคเซสเซอรี่ แต่เป็นผลงานจากมรดกของ Gucci ที่จัดรูปใหม่ให้เข้ากับบริบทของโลกในทุกวันนี้ โดยการเปิดตัวครั้งแรกในช่วงต้นของปี 1970s กับกระเป๋าที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปทรงกลมที่นำเอาตัวอักษร G วางเชื่อมกัน ทำจากวัสดุหนังหรืออินาเมล สะท้อนถึงจิตวิญญาณอันเป็นอิสระที่มีมาตั้งแต่เริ่มต้น ในขณะที่รูปทรงของกระเป๋าให้พื้นที่การใช้งานที่เหมาะสม เรียบ เป็นการบอกเล่าสุนทรียภาพของความงามแห่งปัจจุบัน