ครึ่งปีแรกของ มีน พีรวิชญ์ งานแน่นสุด ๆ แต่พอเข้าสู่ครึ่งปีหลังก็เริ่มมีเวลาให้หายใจหายคอได้บ้าง เราเลยได้มีเวลาพูดคุยกับมีนถึงเส้นทางการแสดง และมีนยังบอกอีกด้วยว่าชีวิตการแสดงของเขาไม่มีทางเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยเกินไป อยากเจอบทหนัก ๆ ที่ท้าทายตัวเองเพื่อจะพัฒนาฝีมือให้ไปไกลกว่านี้
MF: อัพเดทชีวิตช่วงนี้ของ มีน
มีน: ช่วงนี้ครึ่งปีแรกก็ทำงานหนักมากถ่ายละครหลายเรื่องชนกัน แต่ช่วงครึ่งปีหลังก็โล่งแล้วครับเหมือนช่วงนี้เป็นช่วงโปรโมทละครมีโปรเจ็กต์หนังเรื่องนึงครับส่วนอย่างอื่นก็สบาย ๆ แล้วครับอย่างปลายปีก็จะมีไปเที่ยว
MF: น่าน/ฟ้า/ชลาลัย ออนแอร์ไปแล้วฟีดแบ็คเป็นยังไงบ้าง
มีน: จากวันนี้ที่คุยกันก็ผ่านมาครึ่งทางแล้วครับ ฟีดแบ็คก็โอเคนะครับหลายคนก็ชอบในคาแรกเตอร์ที่เราได้รับ ความสนุกในการดูเรา มีหลาย ๆ คนที่บอกว่าอยากดูเราในลุคแบบนี้อีกอะไรแบบนี้ครับ
MF: บทบาทที่เราได้รับ
มีน: ฟ้าครามครับ เป็น ceo หนุ่มเปิดบริษัทสถาปนิกครับ เป็นคนที่รักผู้หญิงคนนึงตั้งแต่แรกเจอแล้วเข้าใจว่ามันเป็นพรมลิขิตเพราะเคยเจอกันมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ยังอยู่ที่ต่างประเทศแล้วก็ได้กลับมาเจอกันที่ไทยแต่ว่าดันไปติดตรงที่พอเราจะเข้าไปจีบแต่พี่ชายเขาหวงมากซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าเป้นพี่น้องกันทำไมต้องหวงขนาดนี้ ก็เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์นี้ที่เราก็สู้เต็มที่เพื่อคนรักของเรา
MF: มีซีนไหนที่เราชอบหรือประทับใจเป็นพิเศษบ้างไหม
มีน: ซีนที่ชอบหลัก ๆ เลยก็จะมีตัวผม พี่เจมส์ มาร์ แล้วก็ณิชา ก็จะเป็นซีนที่เถียงกันทะเลาะกันแล้วเรารู้สึกว่ามันเป็นมวนที่สนุกมากแบบทุกคนมีความต้องการของตัวเองเส้นของตัวเองที่มันชัดเจนผมก็ไม่เข้าใจว่าหวงทำไมไหนบอกว่าเป็นพี่น้องไงเราก็แสดงความบริสุทธิ์ใจแล้วอย่างตรงไปตรงมาส่วนฝั่งพี่เจมส์เขาก็มีเส้นของเขาว่าทำไมต้องหวงหรือห้ามไม่ให้มายุ่งกับเรา เพราะปมในอดีตหรืออะไรก็แล้วแต่ส่วนตัวณิชาเองก็ทำตัวไม่ถูกด้วยอาจจะยังสับสนหรือเลือกไม่ถูก ผมรู้สึกว่าการที่เราสามคนได้เล่นด้วยกันมันมีความสนุกและกินกันไม่ลงในหลาย ๆ ครั้ง
MF: ตั้งแต่รับงานแสดงมาทั้งละครและภาพยนต์มีบทบาทไหนที่คิดว่าท้าทายที่สุด
มีน: ผมรู้สึกว่ามันท้าทายคนละแบบบางเรื่องมันก็มีจุดท้ายมายที่มันต่างกันแบบค่อนข้างเยอะ อย่างตอนนี้ น่าน/ฟ้า/ชลาลัย ก็ค่อนข้างท้าท้ายเพราะเราก็ต้องเล่นให้สูสีกับพี่เจมส์ มาร์ ด้วยพี่เขาอยู่ในวงการมาสักระยะใหญ่ด้วยแล้วเราก็ติดตามเขามาตั้งแต่เด็กเราเลยรู้สึกว่าเราจะทำยังไงให้เป็นบอสนะมีความเป็นคนที่ดูน่ารักอบอุ่นอยู่และสามารถแย่งชิงกับพี่เจมส์ได้อย่างสูสี ก็เป็นความท้าทายของเรื่องนี้ อย่างเรื่องอื่น ๆ ก็ ธี่หยด ครับ ด้วยเรามีเวลาทำการบ้าน พัฒนาตัวละครค่อนข้างน้อย ซีนช่วงแรกที่มาน้อยแต่ต้องเอาให้อยู่มันก็ยากครับ
MF: มองอนาคตบนเส้นทางการแสดงไว้ยังไงบ้าง
มีน: ทุกวันนี้ผมก็มองว่าตัวเองยังกล้าเสี่ยงแล้วเราก็จะไม่เลือกเส้นทางที่เพลย์เซฟกับตัวเองเราเอง เรารู้แหละว่ามันมีเส้นไหนที่เซฟแล้วมั่นคงกับชีวิตเราแต่เราก็ไม่ชอบเพราะแค่รอดมันไม่พอไงเรารู้สึกว่ามันต้องมันส์กว่านี้ต้องหาทางที่ไปได้ใกล้กว่านี้ อยากเจอบทหนัก ๆ มันส์ ๆ กว่านี้ไอคำที่เขาบอกว่าบทมันส่งมากเลย เวลาเราได้มาจริง ๆ จะเป็นยังไง จะทำได้ขนาดไหน บทมันจะไปไกลได้ขนาดไหน ก็อยากเจอบทที่แบกเรื่องหนัก ๆ มันส์ ๆ อะไรแบบนี้ครับ
MF: บทบาท หรืออะไรที่อยากลองทำบนเส้นทางนักแสดง
มีน: ก็อย่างที่บอกมันคือความท้าทายแหละ บทที่ทุกคนจะจดจำเรา บทที่มันเกิดมาเพื่อเรา บทที่เราสามารถจะพัฒนามันต่อไปได้ คือเราไม่ได้เชื่อว่ามันมีบทที่เกิดมาเพื่อเราแต่ผมเชื่อว่าการทำงานร่วมกันระหว่างบทกับเราที่มันไปด้วยกัน เราอยากไปให้ถึงจุดนั้น แล้วก็จริง ๆ ชอบแนวดราม่าครับแล้วก็ชอบบทอะไรที่มันหนัก ๆ
MF: ไอดอลในการใช้ชีวิต และไอดอลในวงการบันเทิง
มีน: จริง ๆ แล้วเป็นคนที่ไม่มีไอดอลเลย ไอดอลสำหรับผมคือความผิดพลาดแล้วกัน เวลที่ผมมองใครว่าคนนั้นเก่งทำแบบนั้นได้แบบนี้ได้แต่อีกมุมเราก็จะชอบมองแบบจุดผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของแต่ละคน ไม่ได้มองแล้วไปตัดสินว่าเขาไม่เก่งเขาไม่ได้เรื่องเลยเราเก่งกว่า แต่เรามองว่าจุดนี้ถ้าเราไม่ทำแบบเขาเราทำในแบบที่เราอยากทำมันจะดีไหม แล้วเราก็รวมเรื่องราวพวกนั้น เรื่องที่เราอยากเปลี่ยนในสิ่งที่แต่ละคนทำมาอยู่ที่ตัวเราเองก็จะกลายเป็นตัวเราในแบบที่เราอยากเป็น แล้วเราก็ได้ประสบการณ์จากคนอื่น ๆ ด้วย รวมถึงความผิดพลาดของตัวเองด้วยนะครับ เป็นคนที่ชอบให้ตัวเองได้ผิดพลาดบ้างเสมอ เรารู้ว่ามันมีโอกาสได้แก้ตัวถ้าเราเล่นไม่ดีเทคหน้าก็มีโอกาสได้แก้ตัว ปล่อยให้ตัวเองได้มั่วบ้างผิดพลาดบ้างแบบเล่นไปไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์กลับมา บางทีมันอาจจะผิดพลาดไม่ดีเราก็แค่เริ่มใหม่ ผิดพลาดในทางที่ดีมันก็เยี่ยมไปเลยนะ
Photographer: Pannatat Aengchuan