ภาพยนตร์วิมานหนามที่มีตัวชูโรงเป็น ทุเรียน หนึ่งในผลไม้ของไทยที่มีราคาแพงที่สุด แต่ถูกเล่าเรื่องในจังหวัดแม่ฮ่องสอน พื้นที่ที่ติดอันดับยากจน 1 ใน 3 ของประเทศไทย สิ่งนี้จึงเป็นหนึ่งตัวแปรที่สำคัญในการดำเนินเรื่องนี้
เมื่อแต้มต่อโชคชะตาในชีวิตของคนเราไม่เท่ากัน การดิ้นรนนั่นคือทางเลือกเดียวของใครหลายๆคน ไม่ต่างกับตัวละครในเรื่องนี้ที่มีต้นทุนติดลบ ไม่แปลกที่จะขวนขวายหาแสงสว่างให้กับชีวิต แต่ทุกคนต่างถูกกดทับด้วยความเหลื่อมล้ำ เมื่อชีวิตต้องหาทางออกทั้งนี้ทุกคนต่างก็กลายเป็นหนามที่หาทางรอดแต่ในทางกลับกันหนามของตัวเองก็ทิ่มแทงคนอื่นไม่รู้ตัว
วาทกรรมของเนื้อเรื่องที่ยังสะท้อนถึงขนบธรรมเนียมประเพณีในไทย การยึดมั่นความเชื่อในตนเองนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผิด หากแต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ปรับเข้ากับบริบทที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา สิ่งนี้ก็สามารถทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัวได้อย่างง่ายดายและจะทำให้วันหนึ่งไม่เหลือใครสักคนในชีวิต
ภาพยนตร์ที่ตีแผ่นิสัยของมนุษย์ในสังคมไทยที่หากเปรียบได้คงเป็นเหมือนสีเทา ที่มีทั้งสีขาวและดำ คนทุกคนล้วนต่างมีความเชื่อ ความรัก ความเกลียดชัง หรือเบื้องหลังที่ผ่านมารวมถึงบาดแผลในใจ แต่ปลายทางที่ทุกคนอยากมีเหมือนกันนั่นคือ ความสุข เพียงแค่นั้นเอง พล็อตเรื่องราวของเรื่องที่พบเจอแต่ความเหลื่อมล้ำทางฐานะของสังคม ความไม่เท่าเทียมทางเพศที่โดนดูถูกเพียงแค่เพศเดียวกันรักกัน ยังมีเรื่องของพื้นที่ห่างไกลขาดการพัฒนาหรือเทคโนโลยียังเข้าไปไม่ถึง ขาดการค้นพบ ถูกจัดให้เป็นพื้นที่ชายขอบ และเรื่องของสิทธิทางกฎหมาย สิ่งนี้ไม่เพียงเป็นแค่เรื่องเฉพาะของ LGBTQIA+ เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของคนทุกคนที่ควรมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ท้ายนี้วิมานหนามทำให้ได้เข้าใจผลของการกระทำ ที่ทุกอย่างกระทบถึงกันหมดเป็นห่วงโซ่ จนเกิดเป็นรอยแผล รอยเจ็บเช่นเดียวกับเวลาที่เราโดนหนามทุเรียนทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจ