Milan Fashion Week F/W 24 ที่ผ่านมาแต่ละแบรนด์ต่างก็ปล่อยคอลเล็คชันที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก แบรนด์อิตาเลี่ยนยังคงรักษาความคลาสสิคและเอกลักษณ์ของตนเองไว้ในขณะที่ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยไปพร้อมๆ กัน ทำให้เราเห็นงานที่แปลกใหม่หลายชิ้น ในขณะเดียวกันหลังจากโลกได้ผันผ่านยุคสมัยแห่งโรคระบาดหลายแบรนด์ก็นำคอนเซ็ปท์กลับเข้าสู่ธรรมชาติมากยิ่งขึ้นซึ่งก็ทำได้อย่างน่าสนใจ เราจึงพาทุกคนไปทำความเข้าใจและพูดคุยถึงแนวคิดของเหล่าดีไซน์เนอร์ของแบรนด์ต่างๆ
Sabato De Sarno – Gucci
Ancora คอนเซ็ปท์ที่ Miror กับคอลเล็คชันของสุภาพสตรีภายใต้ชื่อเดียวกัน เป็นการนำเรื่องราวของ Gucci กลับมาเล่าใหม่อีกครั้งในรูปแบบที่ดีขึ้นและทันสมัยยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การขยายกระเป๋า Jackie ให้กลายเป็นสไตล์โฮโบสำหรับผู้ชาย
หากถามว่าเรื่องราวของ Gucci F/W Men’s Wear คอลเล็คชันนี้คืออะไร Sabato De Sarno กล่าวว่า
“มันคือความรื่นรมย์แห่งชีวิต แพชชั่น มนุษย์และผู้คน เกี่ยวกับชีวิตจริง เกี่ยวกับเสน่ห์ที่ไม่ล้นเกิน ความมั่นใจและกล้าเป็นตัวเอง เกี่ยวกับความรู้สึกและอารมณ์”
Alessandro Sartori – Zegna
The Oasis of Cashmere คือชื่อของโชว์ เมื่อพูดถึงความเป็นอิตาเลี่ยนย่อมหมายถึงความคลาสสิค การเลือกใช้วัสดุ เส้นใย และแน่นอน ผ้าแคชเมียร์พระเอกของงาน Zegna เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ได้อย่างงดงามและทันสมัย และเมื่อถาม Alessandro Sartori ว่าการเล่นแร่แปรธาตุสำหรับ Zenga คืออะไร และเขาผสมผสานสุนทรียะเข้ากับงานฝีมืออย่างไร เขาตอบว่า
“ผมคิดว่าเราไม่ได้ใช้แค่วิธีการและกฎเกณฑ์ของงานฝีมือและการตัดเย็บ แต่มันยังหมายถึงที่มาของแรงบันดาลใจ เพื่อให้คอลเล็คชันนี้สมบูรณ์ ผมและทีมงานได้ค้นหา ตรวจสอบ และศึกษากฎเกณฑ์เงื่อนไขของงานฝีมือและการตัดเย็บทั้งหมดอย่างละเอียด เพราะฉะนั้นเวลาที่ตัดเสื้อผ้าแบบดั้งเดิม ก็จะใช้วิธีการหลากหลายวิธี”
Miuccia Prada and Raf Simons – Prada
Prada ได้ทลายเส้นแบ่งระหว่างความเป็นเมืองและชนบท เสื้อผ้าในคอลเล็คชันนี้พาพวกเราเข้าใกล้ความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่เสื้อผ้าแต่ทั้งการจัดโชว์ คอนเซ็ปท์ แสดงออกอย่างชัดเจน ถ้าถามว่าอะไรคือถ้อยคำประกาศในคอลเลคชันนี้ของ Prada พวกเขาตอบว่า
“มนุษย์จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับโลกและธรรมชาติรอบตัว ซึ่งถือเป็นความปราถนาและความต้องการในส่วนลึกของความเป็นมนุษย์ ธรรมชาติและฤดูกาลผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นตัวกำหนดลักษณะเสื้อผ้า และเสื้อผ้ายังเป็นภาพสะท้อนของสภาพแวดล้อม สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์และควมแตกต่างทั้งภายในและภายนอกของสิ่งแวดล้อม”
Jonathan Anderson – JW Anderson
โจนาธานสร้างสรรค์ผลงานที่สร้างความฮือฮาให้กับแฟชั่นวีคเสมอ คอลเล็คชันนี้เขาก็ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังอีโรติกชั้นเยี่ยมของยุค 90’s “EYES WIDE SHUT” ของผู้กำกับ Stanley Kubrick เขาแชร์เรื่องราวของเขากับหนัง EYES WIDE SHUT ไว้ว่า “เป็นหนึ่งในหนังที่เขาชอบที่สุด จริงๆ แล้วเป็นหนังคริสมาสต์ที่ดีที่สุดก็ว่าได้ หลังจากฤดูร้อนเมื่อปีที่แล้วดูจบไปอีก 2 รอบเลยคิดคอลเล็คชันนี้ออก ที่ผ่านมาไม่เคยนำภาพยนตร์มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบและไม่เคยทำชุดที่เซ็กซี่ขนาดนี้มาก่อน นี่เป็นชุดที่เซ็กซี่ที่สุดในขอบเขตที่ตัวเองจะรับได้แล้ว
Silvia Venturini Fendi – Fendi
Fendi ทลายขนบและธรรมเนียมเดิมๆ ของตัวเองลงด้วยการนำรูปแบบของกางเกงที่คล้ายกับกระโปรงเพื่อสร้างรูปลักษณ์ที่แปลกใหม่ให้ผลงานที่มีอยู่ดั้งเดิม โดย Silvia Venturini Fendi ได้กล่าวว่า “ผู้ชายของ Fendi รุ่มรวยรสนิยม รู้จักการจับคู่เสื้อผ้าชิ้นต่างๆ และนำเสนอด้วยวิธีใหม่ๆ” และจะมีอะไรน่าสนใจไปกว่าคอลเล็คชันกระเป๋าอันขึ้นชื่อของ Fendi หากให้เธอแนะนำรุ่นที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้น Peekaboo เธอกล่าวว่า “Fendi เปิดตัวกระเป๋าดีไซน์พิเศษออกมาสองรุ่น กับธีมการเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติด้วยสุนทรียภาพแห่งอนาคต เป็นคอนเซ็ปท์ร่วมกันระหว่าง Silvia และผู้ก่อตั้ง MAD กระเป๋า Peekaboo IseeU ถูกออกแบบมาให้ตัวกระเป๋าและที่จับทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์ สะท้อนสไตล์การออกแบบสถาปัตยกรรมของ MAD”
Credit: Hypebeast, Vogue Runway