ช่วงนี้ใครๆ ก็หันมาออกกำลังกาย โดยเฉพาะการวิ่งที่ทำได้ง่ายแต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “รองเท้าวิ่งคู่ใจ” เพราะนอกจากจะช่วยซัพพอร์ตเท้าแล้ว ยังทำให้การวิ่งของเราสนุกและปลอดภัยขึ้นด้วย วันนี้ Men’s Folio Thailand รวม 5 รองเท้าวิ่งที่ฮิตและน่าโดนในปี 2025 มาสำหรับคนที่กำลังมองหารองเท้าคู่ใจ

ASICS Novablast 5
เป็นรุ่นที่หลายคนยกให้เป็นรองเท้าวิ่ง “all-rounder” รองรับได้ดีทั้งระยะกลาง-ยาว ให้ความรู้สึก นุ่ม เด้ง เวลาเก็บแรงกับแต่ละก้าว ทำให้วิ่งยาวๆ สบาย และไม่รู้สึกบาดเท้า โดยส่วนบน (Upper) ผ้า engineered jacquard mesh ยืดหยุ่นได้ดี ระบายอากาศ ช่วยลดการลื่นของลิ้นรองเท้าให้กระชับขึ้น พื้นชั้นกลาง (Midsole) ใช้ Flytefoam Blast Max โฟมนุ่ม เด้ง รับแรงกระแทกได้ดี เหมาะกับการวิ่งประจำวัน และเบาะรองส้นสูง drop 8 มม. แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีเท้าแบน Toe box อาจจะกว้างหรือสูงสำหรับบางคน ถ้าขาเท้าค่อนข้างแคบอาจรู้สึกไม่กระชับด้านหน้าเท้า เหมาะกับคนวิ่งระยะกลาง-ยาว ที่ไม่เน้นสปีดหนักมาก และคนที่วิ่งทุกวัน ซ้อมบ่อย อยากได้รองเท้าที่วิ่งที่สวมใส่สบาย ไม่แข็งกระด้าง

Nike Downshifter 13
รองเท้าที่เหมาะกับคนที่เริ่มต้นหรือคนที่ต้องการรองเท้าวิ่งทั่วไป น้ำหนักเบา ใส่วิ่งสบาย ระบายอากาศค่อนข้างดี พื้นนุ่ม ลดแรงกระแทก เหมาะกับการใส่วิ่งเบาๆ หรือใส่เดินนานๆ โดยส่วนบน (Upper) เป็นตาข่าย mesh ระบายอากาศดี + มีแถบข้างใน (fit band) ช่วยกระชับช่วงกลางเท้าเพื่อความมั่นคง พื้นชั้นกลาง (Midsole) โฟมที่ให้ความนุ่ม (Soft foam) เน้นลดแรงกระแทก พื้นชั้นนอก (Outsole) ใช้ยางที่ทนทาน + วัสดุรีไซเคิลที่มีส่วนช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่าง Nike Grind อย่างน้อย 15% และเบาะรองส้นสูง drop 10 มม. สำหรับบางคนอาจรู้สึกว่าส้นสูงไป ถ้าลงปลายเท้าหรือ mid-foot strike อาจต้องปรับตัวแล้วอาจไม่สบายเท่า drop ที่ต่ำกว่า เหมาะกับผู้เริ่มต้นวิ่ง หรือวิ่งไม่บ่อยมาก แต่ยังต้องการรองเท้าที่ใส่แล้วสบายและใช้งานทั่วไปได้

Adidas Galaxy 7
รองเท้าที่เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นวิ่ง วิ่งไม่บ่อย หรือคนที่วิ่งในระยะสั้น-กลาง ไม่ได้แข่งหรือซ้อมสปีด สามารถใช้ได้ทั้งในการสิ่งหรือใส่เดินในชีวิตประจำวัน โดยส่วนบน (Upper) ผ้าทำเป็นเท็กซ์ไทล์ (Textile) เบา ระบายอากาศได้ดี พื้นชั้นกลาง (Midsole) Cloudfoam นุ่ม ลดแรงกระแทกได้ดี พื้นชั้นนอก (Outsole) TPU ทนทานพอสมควรสำหรับใช้วิ่งถนน พื้นเรียบ และเบาะรองส้นสูง drop 6 มม. ที่ส้น ~ 35 มม. และหน้าเท้า ~ 29 มม. ซึ่งรองเท้าคู่นี้อาจไม่เหมาะกับคนที่มีอาการ over-pronation หรือคนที่ต้องการซัพพอร์ตด้านข้างหรือส้นเยอะ ๆ

On Cloud 6
รองเท้าที่ให้ความรู้สึกเบาและนุ่ม เหมาะกับงานวิ่งที่ไม่ได้เร่งจังหวะสูงมาก ดีไซน์สวย สวมใส่ง่าย มีระบบ Speed-lacing และเปิดปากรองเท้าให้ใส่เข้า-ออกได้สะดวกขึ้น เหมาะสำหรับใช้งานหลายแบบไม่ใช่แค่ใส่วิ่ง แต่สามารถใส่เดินในชีวิตประจำวันได้ดี โดยส่วนบน (Upper) ตาข่าย (mesh) มีช่องลมระบายอากาศดี พื้นชั้นกลาง (Midsole) ใช้ Zero-Gravity foam + CloudTec® cushioning + Speedboard® ช่วยให้เดิน วิ่งสบาย มีการดีดตัวบ้างแต่ไม่เท่ากับรองเท้าแข่ง และเบาะรองส้นสูง drop 8 มม. แต่อาจไม่เหมาะสำหรับวิ่งสปีดจัด ถ้าเน้นวิ่งระยะไกล และซัพพอร์ตไม่มากนักหากเดินเยอะ ยืนนาน หรือมีอาการ over-pronation

Under Armour Charged Assert 10
รองเท้าสวมใส่สบาย ไม่อึดอัดเนื่องจากมีพื้นที่บริเวณปลายเท้ากว้าง เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มวิ่งหรือวิ่งในระยะสั้น ส่วนบน (Upper) ตาข่ายระบายอากาศ (mesh) ผสมกับวัสดุสังเคราะห์ เพิ่มความทนทานและรองรับเท้าได้ดี พื้นชั้นกลาง (Midsole) ใช้เทคโนโลยี Charged Cushioning® ซึ่งเป็นโฟมที่มีความยืดหยุ่นและทนทาน ช่วยลดแรงกระแทกได้ดี พื้นชั้นนอก (Outsole) พื้นยางที่ครอบคลุมบริเวณที่มีการกระแทกสูง เพื่อความทนทานและน้ำหนักที่เบาลง และเบาะรองส้นสูง drop 10 มม. แต่รองเท้ามีการคืนพลังงานต่ำ พื้นรองเท้ามีความแข็งเล็กน้อย อาจไม่เหมาะกับการวิ่งระยะไกลหรือการฝึกซ้อมที่ต้องการการตอบสนองสูง
การเลือกรองเท้าวิ่งไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ละคู่ก็มีเอกลักษณ์ของมัน ควรเลือกคู่ที่สบายเท้าและอยากใส่ในทุกวัน เพราะสุดท้ายแล้วรองเท้าวิ่งที่ใช่คือคู่ที่ทำให้คุณอยากออกไปวิ่งทุกครั้งด้วยความสบายเท้า