Men’s Folio Thailand ก้าวเข้าสู่ครึ่งปีหลังอย่างสง่างามและทรงพลังไปกับ ปอนด์ – ณราวิชญ์ เลิศรัตน์โกสุมภ์ Cover Star ประจำเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ชายผู้ก้าวข้ามทุกความกลัวด้วยความฝันและการเติบโตที่ไม่หยุดนิ่ง
หลังการถ่ายทำจบลง ปอนด์ ณราวิชญ์ ทิ้งตัวลงนั่งพร้อมรอยยิ้มที่ยังคงอยู่บนใบหน้าแม้จะผ่านการเปลี่ยนถึง 6 ลุค 6 สไตล์ในวันเดียว บรรยากาศระหว่างบทสนทนาของเราเต็มไปด้วยความเรียบง่ายและเป็นกันเอง นอกจากภาพลักษณ์ที่เราคุ้นตาจากหน้ากล้องแล้วปอนด์ในวันนี้ยังเผยถึงตัวตนของเขามากขึ้น ผู้ชายที่เติบโตผ่านประสบการณ์ มั่นคงในเป้าหมาย และไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองตลอดเส้นทางที่เลือกเดิน
MF: แนะนำตัวกับชาว Men’s Folio Thailand
ปอนด์: สวัสดีครับ ปอนด์ ณราวิชญ์ ครับ
MF: อัปเดตชีวิตช่วงนี้ของปอนด์
ปอนด์: ชีวิตช่วงนี้ก็เรื่อยๆ เลยครับ ก็กำลังจะถ่ายซีรีส์เรื่องใหม่ครับผม ทำงานสนุกดีครับ เหมือนกับว่าก็กำลังหา passion ใหม่ๆ ในการได้ลองทำในส่วนของศิลปินมากขึ้นเพราะว่าตอนนี้เราก็มีวงแล้วเหมือนกันครับ
MF: หลังจากได้เป็น Versace Fragrance Ambassador for Southeast Asia และร่วมงานกับ Versace แล้วเป็นยังไงบ้าง
ปอนด์: รู้สึกดีใจมากๆ ครับ ตั้งแต่วันที่รู้ว่าจะได้ร่วมงานกับทาง Versace Fragrance นะครับ ก็รู้สึกว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งในชีวิตของผมเลยครับ แล้วก็ดีใจมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ Versace แล้วก็มีการตอบรับที่ดีมากๆ ครับ

MF: พูดถึงซีรีส์ มีสติหน่อยคุณธีร์
ปอนด์: สำหรับซีรีส์เรื่องมีสติหน่อยคุณธีร์ก็กำลังถ่ายทำอยู่ครับ ยังไงก็คิดว่าน่าจะได้ติดตามกันในเร็วๆ นี้แน่นอน แล้วก็เชื่อว่าทุกคนน่าจะชอบกันครับ
MF: ผลงานเพลงกับวง JASP.ER
ปอนด์: ผลงานกับวงแจ๊สเปอร์ก็ดีมากๆ เลยครับผมก็มีความสุขมากๆ ได้เปิดโลกแล้วก็เปิดเส้นทางใหม่ๆ สำหรับสายศิลปินเต็มตัวเพราะว่ามันก็เหมือนกับเป็นความฝันของเราอยู่แล้ว
MF: ระหว่าง นักแสดง กับ ศิลปิน
ปอนด์: เอาจริงๆ แล้วคือก็ชอบทั้งสองอย่างนะแต่ว่ามันจะเป็นสไตล์ที่แตกต่างกัน อย่างในพาร์ทศิลปินกับวง JASP.ER ก็จะเป็นเหมือนความฝันของผมตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่เราอยากจะได้ทำงานในของทางศิลปิน อยากเต้นกับเพื่อนๆ แต่ว่าพอเราได้มาทำการแสดงด้วยเนี่ยมันก็ถือว่าเป็นการเปิดโลกอีกแบบหนึ่ง คือถ้าเกิดเราจะเป็นศิลปินเราก็ต้องมีการเรียนรู้เกี่ยวกับด้านการแสดงเหมือนกันครับ


MF: นิยามความเป็น ปอนด์ ณราวิชญ์
ปอนด์: เป็นคนชิลๆ ครับผม สบายๆ แล้วก็แคร์คนรอบตัวอยู่ตลอดครับ
MF: ปอนด์เวอร์ชั่นที่ดีที่สุดเป็นแบบไหน
ปอนด์: ปอนด์ในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นช่วงนี้แหละครับ เหมือนกับว่าพอเราได้อยู่ในวงการบันเทิงมาระยะนึงแล้วเราก็โตขึ้น เราได้เจอโลกมากมายหลายๆ แบบก็รู้สึกว่าเราก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตต่างๆ ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าทำอะไรก็ต้องมีความระมัดระวังตัวนึกถึงคนอื่นอยู่เสมอครับ
MF: ตั้งเป้าหมายในอนาคตยังไง
ปอนด์: จริงๆ แล้วก็อยากจะเติบโตในด้านวงการบันเทิงไปเรื่อยๆ ครับ ได้ลองแบบประสบการณ์ใหม่ๆ จริงๆ ทุกวันนี้ก็รู้สึกว่าทำงานแบบมีความสุขมากๆ ที่ได้เติบโตขึ้น มีแฟนๆ คอยรักมากขึ้นครับ ก็อยากจะให้การงานของตัวผมเองมีชื่อเสียงไปในระดับ global เพราะว่าเราก็พยายามฝึกตัวเองทุกวัน แสดงศักยภาพให้คนทั้งโลกได้เห็นครับ

MF: แล้วปอนด์ในวันนี้เปลี่ยนไปจากวันแรกที่เข้ามาในวงการยังไงบ้าง
ปอนด์: เปลี่ยนไปเยอะมากเลยนะครับ จริงๆ วันแรกที่ผมได้อยู่ในวงการบันเทิง คือผมทำอะไรไม่เป็นเลย พูดง่ายๆ คือเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออกเลย อยู่หน้ากล้องก็คือ ตื่นเต้น ใจสั่นทุกๆ อย่าง แต่ว่าการที่เราได้ทำวงการบันเทิงมาเรื่อยๆ มันเหมือนกับเป็นการสร้างความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ได้เรียนรู้ การพูด การพบปะกับผู้คน ได้เรียนรู้ถึงการสนใจคนรอบตัวต่างๆ ครับผม แต่จริงๆ แล้วในทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกว่าก็ต้องเรียนรู้แล้วก็ฝึกไปเรื่อยๆ เหมือนกันครับ
MF: ถ้าอย่างนั้นแล้วเคยมีช่วงที่รู้สึกหมดไฟบ้างไหม
ปอนด์: มีประจำครับผม (หัวเราะ) จริงๆ แล้วช่วงหมดไฟมันน่าจะเป็นในเรื่องของความเหนื่อยล้ามากกว่า ด้วยความที่เราเป็นคนสาธารณะแน่นอนว่าก็จะมีหลายคนที่ค่อนข้างคาดหวังในตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นจากครอบครัวเองหรือว่าคนข้างนอก เราก็เลยรู้สึกว่าบางทีมันอาจจะทำให้เรารู้สึกเหนื่อย คือผมเป็นคนที่แคร์คนอื่นมากกว่าตัวเอง เราก็จะรู้สึกว่าเราแคร์คนอื่นแต่เราลืมที่จะแคร์ตัวเองครับ หรือรู้สึกว่าไม่ได้เป็นตัวเองเลย รู้สึกแบบเหนื่อยจัง แต่ว่าพอเรานึกดูอีกทีแล้วในการที่เราเป็นแบบนี้ พัฒนาตัวเอง หรือว่าทำทุกอย่างให้เต็มที่ ทุกคนก็ยังคงรอและชื่นชมแล้วก็ภูมิใจในตัวเราเสมอ พอคิดถึงอย่างนี้มันเลยทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นเหมือนการปลุกไฟครับ เหมือนเวลาเราไปออกงานเจอคนเยอะๆ มาคอยให้กำลังใจเราแน่นอนว่ามันก็กดดันแล้วก็ตื่นเต้นเพราะว่าเหมือนกับเราก็อยากทำให้ดีตามความคาดหวังของคนอื่นๆ แต่ว่ามองอีกมุมนึงก็คือพวกเขาก็อยากจะมาดูเราเพื่ออยากให้กำลังใจเราแล้วก็คอยเชียร์เราตลอด
MF: Bucket List ที่ต้องทำให้ได้
ปอนด์: จริงๆ แล้วผมยังไม่ถึงจุดที่เรียกว่าเดินตามความฝันตัวเองสำเร็จ 100% เหมือนกับว่าพอเราทำสิ่งนี้สำเร็จแล้ว มันก็จะมีก้าวต่อไปที่เราตั้ง goal ขึ้นมาใหม่ อย่างปีก่อนผมจำได้ว่าผมกลับมามีคนรู้จักมากขึ้นอีกครั้ง ทีนี้เรารู้สึกว่าเราก็ต้องรีบฝึกตัวเองให้เก่งตามชื่อเสียงที่กำลังมากขึ้นของตัวเราด้วยครับ เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราไม่อยากเป็นคนที่มีชื่อเสียงเฉยๆ แต่ว่าไม่มีความสามารถ เพราะผมรู้สึกว่าความสามารถมันจะอยู่กับเราไปตลอด อย่างสมมุติมันอาจจะเหนื่อยหน่อยในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ว่าในอนาคตเราก็จะเป็นคนที่เก่งขึ้น ก็จริงๆ แล้วใน bucket list ที่ผมรู้สึกว่าอยากทำตลอดก็คือผมอยากจะมีความสามารถที่พัฒนาขึ้นรอบด้านละกัน ไม่ว่าจะเป็นในสายการแสดงที่พัฒนาขึ้นทั้งในเรื่องการร้องการเต้นในฐานะศิลปินที่พัฒนาขึ้น แล้วก็การที่เราได้มีคนรู้จักมากขึ้นในวงการแฟชั่นครับ


MF: ปกติเป็นคนแต่งตัวสไตล์ไหน
ปอนด์: ผมเป็นคนชอบแต่งตัวสไตล์ street ครับ มีความเท่ๆ หน่อย ด้วยความที่ไลฟ์สไตล์จริงๆ ของผมเป็นคนที่ชอบเต้นแล้วเราจะชอบแต่งตัวที่มันมีความ over size หรือว่าตัวใหญ่ๆ หน่อยที่มันมีความ street ที่มันเท่ๆ ครับผม
MF: ไอเท็มที่ขาดไม่ได้
ปอนด์: ผมขอเลือกเป็นแว่นดำแล้วกัน คือไม่ได้ใส่เพราะว่าติดแอคนะ แต่ว่าหนึ่งเลยคือมันส่งเสริมความมั่นใจได้เวลาที่เราออกไปข้างนอก หรือว่าในวันที่เราเหนื่อยจริงๆ คือรู้สึกว่าบางทีเราอาจจะเหนื่อย มีความท้อ เวลาไปทำงานเหนื่อยๆ กลับมา แล้วเราต้องเจอคนอย่างเช่นเราอยู่ในสนามบิน หรือว่าเรากำลังจะกลับบ้าน คือจริงๆ แล้วไม่เคยรู้สึกว่ารำคาญหรือว่าไม่อยากคุยกับแฟนคลับนะครับ แต่เรารู้สึกว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราปกป้องตัวเองได้เหมือนกัน พูดง่ายๆ ก็คือเหมือนเป็นตัวเสริมความมั่นใจ แล้วก็เป็นเกราะป้องกันให้เราได้ครับ
MF: ฝากผลงาน
ปอนด์: ครับผมก็ฝากปก Men’s Folio Thailand ของผมกับ Versace ด้วยนะครับ มี 6 ลุคที่ได้ถ่ายกันก็เชื่อว่าทุกคนน่าจะชอบที่ได้เห็นผมแต่งตัวในสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป เพราะว่านี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้มีโอกาสแต่งตัวหลากหลายสไตล์แบบนี้ครับ แล้วก็ฝากซีรีส์เรื่องมีสติหน่อยคุณธีร์กำลังถ่ายทำอยู่แล้วก็จะตั้งใจทำให้เต็มที่ครับ เร็วๆ นี้ก็จะมี POND PHUWIN FANCON ครับผม ก็ตื่นเต้นมากๆ สัญญาว่าจะทำให้เต็มที่ครับ



MF: ถ้ามีเวลาว่าง 1 วันจะทำอะไร
ปอนด์: ออกกำลังกาย
MF: Top 3 Anime ของปอนด์
ปอนด์: Naruto, Jujutsu Kaisen, One-Punch Man
MF: เพลงที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังฟังอยู่
ปอนด์: Night Changes – One Direction
MF: เปรียบตัวเองเป็นสีอะไร เพราะอะไร
ปอนด์: สีเทา ผมรู้สึกว่าอยู่ในระหว่างขาวกับดำที่มันจะมีความบางทีก็สว่างบางทีก็จะรู้สึกมืดครับ
MF: คำที่อยากมอบให้แฟนคลับ
ปอนด์: ขอบคุณมาก แล้วก็สัญญาว่าจะทำให้ทุกคนภูมิใจในตัวเราตลอดครับ

