“Multifort TV Big Date Special Edition S01E02” โดดเด่นด้วยดีไซน์ตัวเรือนรูปทรงทีวีสีสันสดใสสไตล์เรโทร เผยนิยามใหม่ของเรือนเวลาสุดสร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจแห่งยุคทองของโทรทัศน์

สัมผัสความงดงามของเรือนเวลาที่สะท้อนจิตวิญญาณแห่งความสร้างสรรค์ เมื่อแบรนด์นาฬิกา Swiss made ชื่อดังอย่าง มิโด (MIDO) ได้เผยโฉมผลงานล่าสุดในคอลเลกชั่น มัลติฟอร์ท ทีวี บิ๊ก เดท สเปเชียล อิดิชั่น เอส01อี02 (Multifort TV Big Date Special Edition S01E02)สะกดทุกสายตาด้วยหน้าปัดสีสันสดใสที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคลื่นสัญญาณรบกวนหลากสีในยุคทองของโทรทัศน์ ถ่ายทอดอย่างพิถีพิถันลงบนลงหน้าปัดทรงทีวีสุดคลาสสิก ที่โดดเด่นด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีลขัดซาตินสีเทาสุดเรียบหรู มาพร้อมสายนาฬิกา 3 สไตล์ที่ตอบโจทย์ได้ทั้งลุคทางการ และสไตล์สนุกสนานที่เติมเต็มความมีชีวิตชีวาไว้ในเรือนเดียวกันอย่างลงตัว
มิโด (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วน


ในครั้งนี้ มิโด (MIDO) กลับมาจุดประกายและเติมสีสันให้วงการเรือนเวลาอีกครั้งกับผลงานล่าสุดในคอลเลกชั่นพิเศษ มัลติฟอร์ท ทีวี บิ๊ก เดท สเปเชียล อิดิชั่น เอส01อี02 (Multifort TV Big Date Special Edition S01E02) โดยหยิบยกแรงบันดาลใจจากยุคทองของจอโทรทัศน์มาถ่ายทอดผ่านหน้าปัดดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ที่จำลองลวดลายแถบคลื่นสัญญาณรบกวนหลากสีสุดคลาสสิกชวนให้รำลึกถึงวันวาน ให้กลายเป็นองค์ประกอบอันโดดเด่นบนหน้าปัดทรงทีวีสุดคลาสสิกที่สะท้อนกลิ่นอายเรโทร โดยคอลเลกชั่นนี้มาพร้อมตัวเรือนสเตนเลสสตีลเคลือบพีวีดีสีเทาขัดซาติน ชวนให้นึกถึงโลหะดิบ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่วัสดุนี้ถูกนำมาใช้ในตระกูลของมัลติฟอร์ททีวีและเติมเต็มลุคโมโนโครมให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ตัวสายถูกขัดเงาบริเวณข้อตรงกลาง และออกแบบให้เชื่อมต่อกับตัวเรือนได้อย่างเรียบเนียน นอกจากนี้ยังมาพร้อมสายนาฬิกา 3 สไตล์ ทั้งสายสแตนเลสสตีลที่ให้ลุคเรียบหรูดูสุขุม และสายนาฬิกายาง 2 เฉดสีที่มีดีไซน์ปั๊มลวดลายนูน ทั้งสีน้ำเงินสดเติมความเท่แบบโมเดิร์น และสีเหลืองสดที่ช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้กับลุค มาพร้อมกรอบตัวเรือนขนาด 40มิลลิเมตร บนหน้าปัดดีไซน์เฉพาะในธีมทีวีสุดวินเทจ ถ่ายทอดลวดลายคลื่นสัญญาณรบกวนหลากสีที่โดดเด่นตัดกับพื้นหลังสีเทา เสริมมิติให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยการขึ้นรูปนูนที่สะกดทุกสายตา โดยมีช่องแสดงวันที่ขนาดใหญ่ (Big Date) ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ใช้ตัวเลขสีขาวบนพื้นดำเพื่อให้อ่านค่าได้อย่างชัดเจน ด้านในหน้าปัดเสริมขอบแสดงนาที (Flange) เพื่อช่วยเพิ่มความชัดเจนในการอ่านเวลา



อีกหนึ่งในเอกลักษณ์เด่นของคอลเลกชั่นนี้คือหลักชั่วโมงแบบฝังลึกลงในหน้าปัด ประกอบด้วยเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีได้รับการขัดเหลี่ยมแบบทรงเพชร พร้อมเคลือบสารเรืองแสงสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) เพื่อให้สามารถอ่านค่าได้อย่างชัดเจนแม้ในสภาวะแสงน้อย ด้านข้างติดตั้งเม็ดมะยมแบบขันเกลียวพร้อมเกราะป้องกันแรงกระแทก ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างโดยรวมของนาฬิกา เสริมด้วยกลไกล็อกสายแบบบานพับที่สลักโลโก้ MIDO พร้อมแกนสปริง และปุ่มกดที่ช่วยให้สามารถถอดเปลี่ยนสายได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ฝาหลังมาในดีไซน์โปร่งใสช่วยเผยให้เห็นกลไกคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) ที่ตกแต่งอย่างประณีตด้วยลวดลาย Côtes de Genève พร้อมสลักโลโก้ MIDO และหมายเลขซีเรียลประจำเรือนอย่างพิถีพิถัน ตัวเรือนครอบด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ พร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนทั้งด้านในและด้านนอกเพื่อความคมชัดในการมองเห็นกลไกภายใน อีกทั้งสามารถสำรองพลังงานได้นานสูงสุด 80 ชั่วโมง พร้อมบาลานซ์สปริงนิวาครอง (Nivachron™) ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากสนามแม่เหล็ก และรองรับแรงกระแทกได้ดี อีกทั้งยังสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 10 บาร์ หรือ 100 เมตร มอบความมั่นใจให้ผู้สวมใส่ในทุกกิจกรรม ทั้งในชีวิตประจำวัน และการผจญภัยกลางแจ้ง

ในโลกของแฟชั่นที่ทุกองค์ประกอบสามารถสะท้อนตัวตนของผู้สวมใส่ได้อย่างชัดเจน มิโด (MIDO) จึงขอแนะนำแนวทางการเลือกนาฬิกาสำหรับผู้ที่หลงใหลในความเรียบโก้ แต่ยังต้องการเพิ่มความโดดเด่นให้กับสไตล์ดังนี้ โทนสีแบบโมโนโครมถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะให้ความรู้สึกเท่ สุขุม แต่ยังดูมีสไตล์เมื่อจับคู่กับเครื่องแต่งกายในทุกลุค ไม่ว่าจะเป็นชุดทำงานทางการหรือเสื้อผ้าแคชชวลในวันสบายๆ เพิ่มความสนุกด้วยเรือนเวลาที่สามารถถอดเปลี่ยนสายได้อย่างสายยางสีน้ำเงินสดเพื่อเพิ่มความสปอร์ตทันสมัยให้กับลุค หรือสายยางสีเหลืองสดที่ช่วยเติมเต็มความสนุกสนานให้กับลุคประจำวันได้อย่างลงตัว นอกจากนี้การเลือกตัวเรือนที่มาพร้อมดีไซน์หน้าปัดที่มีเอกลักษณ์ยังช่วยเพิ่มเสน่ห์ และความน่าสนใจให้กับทุกลุคในทุกมิติ




