หากพูดถึงเมืองที่เต็มไปด้วยร้านอาหารติดดาวมากที่สุดในโลก ชื่อของ “โตเกียว” มักจะถูกพูดถึงเป็นอันดับต้น ๆ เมืองนี้มีร้านอาหารมากกว่า 200 แห่งที่ได้รับการการันตีจาก Michelin Guide และหนึ่งในนั้นคือร้านราเม็งขนาดเล็กในย่านชินจูกุที่ชื่อว่า Sobahouse Konjiki Hototogisu ร้านราเม็งลำดับที่ 3 ในโตเกียวที่ได้ครอบครองดาวมิชลินตั้งแต่ปลายปี 2018 จุดเริ่มต้นของตำนาน “ราเม็งติดดาว” ที่สายกินทั่วโลกต่างอยากมาสัมผัสด้วยตัวเอง



“ราเม็ง” อาจเป็นเพียงเมนูเส้นเรียบง่ายในสายตาใครหลายคน แต่ในมือของเชฟ Atsushi Yamamoto แห่ง Soba House Konjiki Hototogisu (โซบะเฮาส์ คอนจิกิ โฮโตโตกิสุ) ราเม็งได้ถูกยกระดับให้กลายเป็น “ศิลปะแห่งรสชาติ” ที่สะท้อนทั้งความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของการทำอาหารญี่ปุ่นอย่างแท้จริง และในวันนี้ ศิลปะนั้นได้เดินทางมาถึงประเทศไทยเป็นครั้งแรก ณ โซน EATELIER ชั้น 4 สยามพารากอน

ต้นกำเนิดจากร้านขนาดเพียง 8 ที่นั่งในย่านชิบูย่า โตเกียว Soba House Konjiki Hototogisu ก้าวสู่ตำนานระดับโลกด้วยการครองรางวัล “มิชลิน 1 ดาว” ติดต่อกันถึง 5 ปี (2019–2023) สะท้อนความสำเร็จที่ไม่ได้เกิดจากโชค แต่จากความเชื่อมั่นของเชฟยามาโมโตะในการ “สร้างรสชาติที่มีเพียงหนึ่งเดียว” และ “สร้างขึ้นจากศูนย์” โดยเขาเป็นผู้บุกเบิกเทคนิคการผสมน้ำซุป 3 ชนิด และการใช้หอยเป็นหัวใจหลักของรสชาติ จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่อาจเลียนแบบได้


ชื่อร้าน “Konjiki Hototogisu” หมายถึง “นกกาเหว่าสีทอง” ซึ่งเปรียบเสมือนสิ่งล้ำค่าและหาได้ยากในธรรมชาติ เป็นสัญลักษณ์แห่งความตั้งใจที่จะสร้างราเม็งที่ไม่เพียงอร่อย หากแต่สะท้อนคุณค่าของความประณีตในทุกขั้นตอน การขยายสาขาไปกว่า 6 ประเทศทั่วโลก อาทิ แคนาดา สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จนมาถึงกรุงเทพฯ เป็นการขยายขอบเขตของวัฒนธรรมราเม็งให้ผู้คนได้สัมผัสความสมบูรณ์แบบของ “ราเม็งมิชลิน” อย่างแท้จริง



สำหรับสาขากรุงเทพฯ เชฟยามาโมโตะตั้งใจนำเสนอประสบการณ์รสชาติที่เทียบเท่าร้านต้นตำรับในโตเกียว โดยทุกชามถูกบรรจงปรุงอย่างพิถีพิถัน เส้นราเม็งสดทำด้วยมือจากแป้งสาลี 4 ชนิดจากฮอกไกโด เพื่อให้ได้สัมผัสที่หนึบ นุ่ม และซึมซับน้ำซุปได้อย่างสมบูรณ์แบบ น้ำซุปแต่ละชามผ่านการคัดสรรวัตถุดิบมากกว่า 70 ชนิดจากทั่วโลก เพื่อให้ได้รสอูมามิบริสุทธิ์โดยไม่ใช้ผงชูรส

โดยเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน มีดังนี้
• Shoyu Ramen ราเม็งซุปซอสถั่วเหลืองที่ผสานน้ำซุป 3 ชนิด ไก่ทั้งตัว, ดาชิญี่ปุ่น และหอยลายสด จนเกิดเป็นรสชาติลุ่มลึก หอมละมุน และโดดเด่นด้วย “ซอสพิสตาชิโอแบล็คทรัฟเฟิล” โฮมเมดที่เติมความหรูหราอย่างลงตัว
• Shio Ramen ซุปเกลือใสรสเบาแต่ลุ่มลึก เคี่ยวจากวัตถุดิบทะเลชั้นดี เสริมมิติด้วยซอสลูกฟิกหมักและซอสพอร์ชินี
• Kamo Shoyu Ramen ราเม็งซุปเป็ดรสเข้มข้น ผสานความหอมของซุปเป็ด ดาชิ และซุปหอยลายในชามเดียว
• Tonkotsu Ramen ซุปกระดูกหมูเคี่ยวกว่า 16 ชั่วโมง จนได้รสสัมผัสเข้มข้นละมุน
• Spicy Tonkotsu Ramen รสเผ็ดที่ซับซ้อนจากหมูสับ ถั่วแดง และเครื่องเทศหลากชนิด
เมื่อชื่อของ Sobahouse Konjiki Hototogisu เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่ประเทศไทย ความตื่นเต้นของเหล่าคนรักราเม็งจึงไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะนี่ไม่ใช่เพียงการนำร้านดังมาตั้งสาขาใหม่ แต่คือการนำ “ราเม็งระดับโลก” มาให้สัมผัสกันใกล้ชิดในบ้านเรา การได้ลิ้มลองราเม็งมิชลินสตาร์ในบรรยากาศของกรุงเทพฯ จึงเป็นโอกาสที่จะได้เข้าใจว่า “ราเม็ง” คืออีกหนึ่งการถ่ายทอดศิลปะ ความอดทน และความพิถีพิถันแบบญี่ปุ่นที่ทำให้คนทั้งโลกหลงรัก


ราเม็งทุกชาม คือ อีกหนึ่งของความพยายามที่จะผลักขอบเขตของอาหารญี่ปุ่นให้ไปไกลกว่าที่เคย จากอดีตที่ราเม็งของเชฟยามาโมโตะ เคยถูกมองว่า “อาหารนี้ไม่ใช่ราเม็ง” สู่วันที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และด้วยความกล้าออกจากกรอบเดิม ๆ ที่มาจากความกล้าและจินตนาการ
จากร้านเล็กๆ ในโตเกียวสู่มหานครกรุงเทพฯ Soba House Konjiki Hototogisu จึงเป็นอีกหนึ่งร้าน ‘ราเม็ง’ ที่ถูกรังสรรค์จากหัวใจผ่านความละเมียดละไมในทุกชาม เพื่อมอบให้ทุกคนได้ลิ้มลอง






