เสียงของฝนที่กระทบกับหน้าต่าง ทำให้ความเหงาค่อยๆ เข้ามาครองในพื้นที่ในหัวใจของหลายคน หรือบางครั้งมันอาจแค่ทำให้เราอยากนั่งเงียบๆ อยู่กับตัวเอง ได้ยินเสียงความคิด ได้สัมผัสกับอารมณ์บางอารมณ์ที่หลงลืมไปในวันที่อากาศดี ว่ากันว่าภาพยนต์ดีๆ สักเรื่องหนึ่งสามารถเปลี่ยนมุมมองของเราได้ และฤดูฝนก็คือช่วงเวลาที่เหมาะจะเปิดใจรับเรื่องเล่าเหล่านั้น
Men’s Folio Thailand ขอแนะนำ 5 ภาพยนตร์ที่เหมาะจะดูในวันที่ฝนพรำ ไม่ใช่แค่เพราะบรรยากาศของหนังสอดคล้องกับเสียงฝน แต่เพราะแต่ละเรื่องต่างพาเราทบทวนบางสิ่ง ทั้งความรู้สึก ความทรงจำ ความรัก และการเติบโต
1. Before Sunrise (1995)
ผู้กำกับ: Richard Linklater
นำแสดงโดย: Ethan Hawke, Julie Delpy
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อหนุ่มชาวอเมริกันและสาวชาวฝรั่งเศส ได้พบกันโดยบังเอิญบนรถไฟสายยุโรป ทั้งคู่ได้ตัดสินใจร่วมกันว่าจะลงจากรถไฟที่เวียนนา และใช้ชีวิตร่วมกันเพียงหนึ่งคืนก่อนจะกลับไปใช้ชีวิตที่เป็นปกติของตน ไม่มีแผน ไม่มีปลายทาง มีเพียงบทสนทนาของทั้งสองคนที่จะค่อย ๆ คลี่คลายใจของกันและกัน
แม้เนื้อเรื่องจะดูเรียบง่าย เล่าเรื่องแบบไม่หวือหวา แต่สิ่งที่ทำให้ Before Sunrise กลายเป็นภาพยนต์ในดวงใจของใครหลายคนคือความ “จริง” ของบทสนทนา การเดินทอดน่องไปตามเมือง และความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นท่ามกลางเวลาที่จำกัด

2. In the Mood for Love (2000)
ผู้กำกับ: Wong Kar-wai
นำแสดงโดย: Tony Leung, Maggie Cheung
ภาพยนต์ที่พูดถึง “ความรักที่ไม่อาจเกิดขึ้น” ได้อย่างงดงามและปวดร้าวที่สุดเรื่องหนึ่ง สองตัวละครหลักคือเพื่อนบ้านที่พบว่าคู่ของตนกำลังนอกใจ ทำให้ทั้งสองได้เริ่มใกล้ชิดกันเพื่อไขข้อสงสัย แต่ยิ่งใกล้เท่าไร ความรู้สึกก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้น ความสัมพันธ์ในเรื่องนี้เต็มไปด้วยความอดกลั้น ความใกล้ชิดที่ห้ามแตะต้อง ความชัดเจนที่ไม่มีใครกล้าพูดออกมา และความเงียบที่ดังที่สุด

3. Little Forest (2018)
ผู้กำกับ: Yim Soon-rye (เวอร์ชันเกาหลี)
นำแสดงโดย: Kim Tae-ri, Ryu Jun-yeol
เรียบง่าย ไม่พิเศษ ไม่มีจุดหักมุม ไม่มีดราม่าหนักหน่วง แต่ภาพยนต์เรื่องนี้คือการเล่าเรื่องการเดินทางกลับบ้านที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่ง ฮเยวอน หญิงสาวที่รู้สึกหมดแรงกายและใจจากชีวิตในเมือง เดินทางกลับมายังบ้านเกิดของตนในชนบท ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ปลูกผัก ทำอาหารตามฤดูกาล และอยู่กับธรรมชาติ
Little Forest ไม่ได้เล่าเรื่องความรักหรือความฝันแบบภาพยนต์ทั่วไป แต่กำลังพาเราไปสัมผัสกัลการเยียวยาใจผ่านกิจวัตรเล็ก ๆ อย่างการหั่นหัวหอม หรือหุงข้าวท่ามกลางหิมะตก
ฤดูกาลในหนังที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่ทุกภาพ ทุกเสียง และทุกจังหวะของหนังกลับค่อย ๆ ปรับอุณหภูมิในใจเราให้ละมุนมากยิ่งขึ้น

4. About Time (2013)
ผู้กำกับ: Richard Curtis
นำแสดงโดย: Domhnall Gleeson, Rachel McAdams
ภาพยนต์รักที่ดูเหมือนจะพูดเรื่อง “พลังพิเศษ” ของการย้อนเวลา แต่แท้จริงแล้ว About Time คือภาพยนต์ที่อบอุ่นหัวใจ และกำลังตั้งคำถามว่า หากคุณสามารถย้อนเวลาได้ คุณจะใช้ชีวิตวันนี้อย่างไร?
ทิม ค้นพบว่าเขาสามารถย้อนกลับไปในอดีตเพื่อแก้ไขเหตุการณ์ในชีวิตได้ และเขาใช้มันเพื่อคว้าความรัก ดูแลครอบครัว และแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาเรียนรู้ว่า “การใช้ชีวิตอย่างมีสติ” สำคัญกว่าการเปลี่ยนอดีตเสียอีก
ภาพยนต์เรื่องนี้พาคุณไล่เรียงความรู้สึกจากเสียงหัวเราะไปจนถึงน้ำตา โดยไม่บีบบังคับให้รู้สึกอะไร แต่ทำให้คุณอยากโทรหาแม่ อยากเดินช้าลง อยากฟังเสียงฝนโดยไม่เร่งรีบ

5. Weathering with You (2019)
ผู้กำกับ: Makoto Shinkai
ให้เสียงพากย์โดย: Kotaro Daigo, Nana Mori
แอนิเมชันญี่ปุ่นจากผู้สร้าง Your Name ที่ยังคงเต็มเปี่ยมด้วยความงามทางภาพ เสียง และจินตนาการ เล่าเรื่องฮอดากะ เด็กหนุ่มที่หนีออกจากบ้านมาใช้ชีวิตในโตเกียว และได้พบกับฮินะ เด็กสาวที่มีพลังทำให้ฝนหยุดตกได้
ท่ามกลางโตเกียวที่ถูกปกคลุมไปด้วยฝนที่ตกลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนร่วมทาง และทำให้ค้นพบว่าพลังของฮินะนั้นต้องแลกกับอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าความรักในวัยเยาว์จะรับไหว
แม้จะเป็นอนิเมชัน แต่แอนิเมชันเรื่องนี้เต็มไปด้วยคำถามที่จริงจังเกี่ยวกับธรรมชาติ ความเสียสละ และการตัดสินใจ แอนิเมชันเรื่องนี้กำลังจะพาเราดูสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วง พร้อมตั้งคำถามว่า ถ้าความสุขของเราต้องแลกกับความสมดุลของโลก เราจะเลือกอะไร?
ฤดูฝนไม่ได้มีแค่ความเปียกปอน แต่มันอาจเป็นฤดูที่เราค่อย ๆ หันกลับมาฟังเสียงในใจ ฟังเสียงหัวใจที่เคยเงียบหาย หรือฟังเสียงของเรื่องราวที่เราเคยมองข้ามในวันที่เร่งรีบ
ในวันที่ไม่รู้จะเปิดภาพยนต์เรื่องอะไร ลองเริ่มต้นจากหนึ่งในห้าเรื่องนี้ แล้วปล่อยให้เรื่องเหล่านี้พาคุณไปที่ไหนสักแห่งที่ฝนยังตกไม่หยุด แต่หัวใจกำลังอุ่นขึ้นเรื่อยๆ


