การแสดงบทหมอโฌนในซีรีส์ ‘Good Doctor’ ซึ่งเป็นบทที่ท้าทายทั้งในด้านการแสดงและการเข้าใจตัวละครที่มีอาการของแอสเพอร์เกอร์ซินโดรม สู่การค้นพบความหลงใหลในการเข้าป่า ซึ่งสะท้อนถึงชีวิตที่เรียบง่ายและธรรมชาติที่แท้จริง ผ่านการเรียนรู้และสำรวจจากมุมมองที่แตกต่างในชีวิตประจำวันของเขา
MF: แนะนำตัวกับชาว Men’s Folio Thailand
เน๋ง: สวัสดีครับ เน๋ง ศรัณย์ นราประเสริฐกุล ครับ
MF: เล่าถึงการรับบท หมอโฌน ในเรื่อง Good Doctor
เน๋ง: สำหรับผม ผมรู้สึกว่าบทนี้เป็นบทที่ค่อนข้างท้าทายสำหรับสกิลการแสดงของผมเองอะไรอย่างเงี้ยครับ คือผมอาจจะไม่ใช่นักแสดงที่แบบ โอ้โหเป็นนักแสดงมือฉมังที่แบบว่า Born to be Actor เพราะฉะนั้นมันเป็นอะไรที่ยากสำหรับผมมากอะไรอย่างเงี้ย ผมก็งงเหมือนกันว่าผมแคสมาได้ไง (หัวเราะ) แต่ว่าไหนๆ ก็แคสมาได้แล้วเราก็โอเค เราก็ต้องเต็มที่กับมันก็เหมือนเป็น challenge นึงของชีวิตว่าเราจะทำสิ่งนี้ออกมาได้มั้ยประมาณนั้น ถ้าสำหรับตัวผมนะ ถ้าสำหรับตัวหมอโฌน ตัวหมอโฌนก็คือแบบเหมือนกับเป็นหมอที่มีภาวะออทิสติก ก็โครงเรื่องของเกาหลี ของอเมริกา ที่เขาทำมา ของไทยก็จะเป็นเวอร์ชั่นไทย จะมีสอดแทรกบริบทของไทยต่างๆ พอเป็นหมอโฌนเติบโตในสังคมแบบไทยเนี่ยมันอาจจะแตกต่างจากเกาหลี แตกต่างจากฝรั่ง ก็อยากให้ทุกคนดูแล้วก็เข้าใจหมอโฌนในบริบทของไทย ประมาณนั้นครับ
MF: มีซีนไหนที่รู้สึกชอบหรือประทับใจเป็นพิเศษบ้าง
เน๋ง: ซีนประทับใจเหรอครับ จริงๆ เอารวมๆ ซีนประทับใจของผมจะเป็นซีนที่อยู่ในห้องผ่าตัด คือผมรู้สึกว่า พอเราไปใช้ห้องผ่าตัดจริง environment จริง แล้วก็เครื่องมือเครื่องไม้จริงหมด ตรงเตียงนอนก็มีคนนอนจริงๆ อะไรอย่างเงี้ย แต่ไม่ได้ผ่าจริงนะ (หัวเราะ) มีคนนอนจริงๆ แล้วก็ mockup อะไรอย่างเงี้ยค่อนข้างเรียลมากๆ ผมรู้สึกว่าผมประทับใจในแง่ของนักแสดง แบบว่าเรารู้สึกว่าเราเชื่อได้ง่ายมาก ว่าเซตติ้งนี้เป็นเซตติ้งที่จริง ผมว่ามันแตกต่าง มันทำให้มันแตกต่างมากๆ กับเซตติ้งที่สมมุติว่าผมมานั่งผ่าตัดลอยๆ กับแบบมีเนื้อให้สัมผัสจริงๆ อะไรอย่างเงี้ย ผมรู้สึกว่าเออมันค่อนข้างแตกต่างกันมาก ทุกคนแบบในกองด็อกเตอร์ก็จะชอบซีน เวลามีห้องผ่าตัดก็จะสนุกกันมาก อยากอยู่ในห้องผ่าตัด แล้วก็มันได้เห็นเครื่อง ได้เห็นจอนู้นจอนี้ เค้าก็ต้องพยายามทำให้มันจริงที่สุด เสียงเสริม ฟีลลิ่งแบบแอร์ที่แบบห้องผ่าตัดมันต้องเย็นหน่อยเค้าก็เปิดแอร์ให้มันเย็นจริงๆ มันช่วยเราในการแสดงมากๆ ส่วนอีกอันนึงที่ชอบก็คือแบบเป็นซีนที่ผ่าตัดในรถเมล์ซีนเปิดเรื่องก็รู้สึกว่ามันคือเค้าเหมือนตั้งใจทำจริงๆ ม็อคอัพทุกอย่างมันจะมีหุ่นคือเราต้องกรีดเปิดช่องอกเด็กใช่ไหมทีมงานเค้าไปทำหุ่นมาแบบกรีดลงไปแล้วมีหลายชั้นคือมีชั้นผิวหนังชั้นกล้ามเนื้อชั้นอะไรเงี้ยเหมือนเค้าทำมาให้มันเหมือนจริง แล้วก็มีกลไกด้วยเหมือนในเรื่องมันจะเป็น Pneumothorax ก็คือมีลมอยู่ในปอดมีลมอยู่ในช่องอกแล้วก็พอกรีดปุ๊บมีลมพุ่งออกมาพุ่งสวนขึ้นมา เหมือนกับของอเมริกาก็จะเป็นที่สนามบินของเราก็ดูมีความเป็นไทยดีแบบรถเมล์บ้านเราแล้วก็การจราจรมีความ sarcastic นิดนึงมันก็เลยรู้สึกว่าเออมันก็เซอร์ไพรส์เหมือนกันตอนอ่านบทว่าเฮ้ยเค้าก็คิดได้ออกมาดูเหมาะกับสังคมบ้านเราดี
MF: มีอะไรที่เน๋งยังไม่เคยทำและอยากลองทำอีกบ้าง
เน๋ง: ผมอยากดำน้ำแต่ผมยังกลัวอยู่ ส่วนที่ที่จะไปก็คงเป็นที่ไทยก่อนครับเพราะผมชอบอะไรในไทยนะ สิ่งแรกของผมคือการตามหาสัตว์พอมันเป็นในไทยก็ทำให้เราแพลนอะไรได้ง่ายขึ้น เรามีโอกาสได้ไปซ้ำเยอะเพราะการไปตามหาสัตว์มันก็ค่อนข้างมีความเสี่ยงที่จะไม่เจอ เปอร์เซ็นที่จะได้เจอมันไม่เยอะ เราก็เลยเลือกที่ไทยก่อนฝึกไปเรื่อยๆ ให้เราเก่งก่อนค่อยไปต่างประเทศ ถ้าเราไม่เก่งแล้วเราไปพลาดโอกาสตรงนั้นมันน่าเสียดายครับ
MF: พูดถึงเรื่องแฟชั่นปกติสไตล์การแต่งตัวเป็นยังไง
เน๋ง: ผมจะเป็นคนแบบแต่งตัวตามโอกาสนะ ก็คือแต่งตัวให้เหมาะกับที่จะไป ก็คือแบบวันชิลๆ ก็มีแต่งตัวแบบไม่ได้เยอะแยะอะไรมากครับ ก็คือกางเกงยีนส์เสื้อยืดแล้วก็มี accessories นิดหน่อย
MF: แล้วนาฬิกาหล่ะ
เน๋ง: ผมจะมีนาฬิกาหลายไว้ใส่เพื่อเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ คือผมจะแอบซีเรียสนิดนึงกับเรื่องการเลือกนาฬิกาเพื่อให้เข้ากับชุด ถ้าสมมุติว่าใส่สูทเราก็ควรจะใส่ dress watch แบบงานทางการนิดนึง หรือว่าถ้างานไม่ทางการมากเราอาจจะใส่ sport ได้ ผมจะค่อนข้างจะเลือกนาฬิกาให้เข้ากับสถานการณ์มากๆ ครับ ก็เลยซื้อนาฬิกาไว้หลายแบบมาก
MF: ไอเท็มที่ขาดไม่ได้
เน๋ง: ไอเท็มที่ขาดไม่ได้เหรอ ผมว่าก็คงเป็นนาฬิกาแหละ คือแบบว่าเหมือนบางทีอะเราก็ไม่ได้คิดว่าจะไปที่ไหนขนาดนั้นวันชิลๆ เราแต่ว่าเราอยากใส่นาฬิกาเราก็จะเลือกนาฬิกาก่อนแล้วก็ไปเลือกชุดทีหลังอะไรอย่างนั้นก็มีอยู่แต่ว่านาฬิกาก็ใส่บ่อยมาก
MF: เข้าสู่ช่วงสิ้นแล้วปีอยากให้รีแคปปีที่ผ่านมา
เน๋ง: เป็นปีที่ผมแบบได้ใช้ชีวิตอยู่กับตัวเองเยอะนะ ช่วงปีที่ผ่านมาเนี่ยผมไปเที่ยวป่าบ่อยมาก ก็คือหลังจากเล่น Good Doctor จบผมก็เข้าไปชาร์จแบตตัวเอง เหมือนกับโซเชียลดีท็อกซ์นิดนึงอะไรเงี้ย ก็ได้พบอะไรใหม่ๆ เยอะ จริงๆ เข้าป่าก็ไปดูสัตว์ในธรรมชาติก็รู้สึกว่ามันทำให้จิตเรานิ่งขึ้น เหมือนกับเราเข้าใจธรรมชาติมากขึ้น เหมือนได้เจริญสติเหมือนแบบว่าไอ้อะไรที่แต่ก่อนเคยโกรธ เราก็ยังโกรธอยู่เหมือนเดิมนะแต่เราก็แค่ระลึกรู้ว่าตอนนี้โกรธอะไรเงี้ย
MF: เรียกว่าปล่อยวางได้ไหม?
เน๋ง: ก็ด้วย มันคือว่าก็ระลึกรู้ว่าโกรธ พอรู้ว่าโกรธปุ๊บ ก็โอเค โกรธอยู่ แล้วเดี๋ยวความโกรธมันก็หายไป บางอันที่คนพูดแล้วเรารู้สึกว่า เอ้ย กระทบเราแต่เราก็ระลึกรู้ได้ว่า มันกระทบเรานะแต่ว่าเราก็จะไม่เลือกวิธีการแสดงออกที่จะทำให้ทุกอย่างมันไม่ดี มันเรียกว่าจิตเรานิ่งขึ้นได้มั้ยนะ เหมือนคนที่เข้าวัดไปปฏิบัติธรรมแต่ผมเข้าป่าแทนแต่มันก็เหมือนทำให้เหมือนเราได้ชนะตัวเองด้วย
MF: แพลนในปีหน้าของเน๋ง
เน๋ง: ก็ยังอยากหาแพสชั่นของการแสดงอยู่นะ คือเหมือนกับอยากหาบทที่มันทาเลนต์อื่นๆ อีกอะไรอย่างเงี้ยเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ ครับทางการแสดง ส่วนเรื่องอื่นๆ คือไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้ขนาดนั้น ก็ยังอยากใช้ชีวิตแบบเรียบๆ ไม่ได้แบบว่าไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจนมากขนาดนั้นก็มีแค่เรื่องผลงานการแสดงนี่แหละที่อยากให้มันมีอะไรที่ฉีกจากเดิมแล้วทำให้คนดูรู้สึก อุ้ย! ตกใจเลยว่าทำไมเราถึงป็นคาแร็กเตอร์นี้ครับ