Embracing New Challenges : Jes – Jespipat Tilapornputt

Men’s Folio Thailand ได้ เจษ เจษฎ์พิพัฒ มาเป็น Cover Star ฉบับส่งท้ายปี 2024 แม้งานซีรีย์และละครจะจบลงไปแล้วแต่เจษก็ยังคงมีตารางที่แสนยุ่งกับ Fancon 4 Minutes ที่มีแพลนจะบินไปแสดงยังต่างประเทศ ถือเป็นโชคดีมากที่เราสามารถคว้าตัวเขามาได้

เรามีโอกาสได้พูดคุยอย่างใกล้ชิดกับ เจษ เจษฎ์พิพัฒหลังจากการถ่ายปกมาตลอดทั้งวัน
ถึงแม้จะอยู่ในลุคที่จัดเต็มแต่การคุยกันในครั้งนี้ก็ผ่อนคลาย เป็นกันเอง เคล้าไปด้วยเสียงหัวเราะ
และภายในระยะเวลาไม่นานก็ทำให้เราได้รู้จักตัวตนของเขามากขึ้น

MF: แนะนำตัวกับชาว Men’s Folio Thailand
เจษ: สวัสดีครับ เจษ เจษฎ์พิพัฒ ครับผม

MF: ผลงานช่วงนี้ของ เจษ และผลงานในอนาคต
เจษ: ผลงานช่วงนี้หรอครับ ซีรีย์ก็จบไปแล้ว ละครก็จบไปแล้วเหมือกัน ก็จะเป็น Fancon ที่เรากำลังพยายามไปในหลาย ๆ ที่ที่เราได้แพลนกันไว้ครับ ตอนนี้ก็มีที่ Confirm แล้วแต่ยังไม่ได้ไปคือ กัมพูชากับบลาซิลครับ แล้วก็อาจจะมีหลาย ๆ ที่แทรกระหว่างนั้น 

MF: ได้ยินมาว่าเจษไม่ชอบดูตัวเองในทีวีทั้งที่อยู่ในวงการมามากกว่า 10 ปี
เจษ: ใช่ ไม่เคยดูเลยครับ ดูแล้วชอบติตัวเองแล้วก็รู้สึกว่าแบบงานทำที่เราทำไปเราทำได้ดีกว่านั้นอีกแล้วเราก็จะนอยเลยเลือกที่จะดูบ้างแต่ไม่ได้ดูทั้งเรื่องดูว่าต้องไหนที่มันต้องแก้จริง ๆ จะพยายามไม่ดูมากเพราะดูมากแล้วมันรู้สึกแย่ ก็ไม่แย่หรอกแต่รู้สึกว่าทำไมตอนนั้นเราไม่ทำให้ดีกว่านี้มันจะเซ็ง ๆ นิดนึง 

MF: แล้วเจษมีวิธีจัดการกับความนอยความเซ็งที่เกิดขึ้นยังไงบ้าง
เจษ: จริง ๆ แล้วบางทีสิ่งที่ออกมามันอาจจะดีแล้วก็ได้สำหรับมวลรวมอะครับ แต่ว่าเราดูในฐานะคนดูไม่ได้เราดูในฐานะที่เราเป็นนักแสดงเองเพราะงั้นเราเลยจะรู้ว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่เรารู้สึกอะไรทำไมมันถึงไม่ได้แบบที่เราต้องการ 100% ซึ่งจริง ๆ แล้วนั่นก็เป็นเสน่ห์ของการแสดงสำหรับผม ทุก ๆ วันมันจะไม่เหมือนกัน ทุก ๆ เทป ทุก ๆ ฉาก มันจะไม่เหมือนกัน การจัดการความเซ็งของเราก็แค่ต้องเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วคนดูเขาไม่ได้ดูละครหรือซีรีย์ในมุมมองของเรา เขามองในมุมมองของคนดูดูเป็นภาพรวมซึ่งโอเค Feedback จากคนดูประมาณ 90 % บอกว่าดี เราก็ต้องเชื่อเขา เราชื่อตัวเองไม่ได้ว่ามันยังไม่ดี ซึ่งก็ช่วยให้เราหายเซ็งขึ้นได้

MF: แล้วเจษมีวิธีจัดการกับความนอยความเซ็งที่เกิดขึ้นยังไงบ้าง
เจษ: จริง ๆ แล้วบางทีสิ่งที่ออกมามันอาจจะดีแล้วก็ได้สำหรับมวลรวมอะครับ แต่ว่าเราดูในฐานะคนดูไม่ได้เราดูในฐานะที่เราเป็นนักแสดงเองเพราะงั้นเราเลยจะรู้ว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่เรารู้สึกอะไรทำไมมันถึงไม่ได้แบบที่เราต้องการ 100% ซึ่งจริง ๆ แล้วนั่นก็เป็นเสน่ห์ของการแสดงสำหรับผม ทุก ๆ วันมันจะไม่เหมือนกัน ทุก ๆ เทป ทุก ๆ ฉาก มันจะไม่เหมือนกัน การจัดการความเซ็งของเราก็แค่ต้องเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วคนดูเขาไม่ได้ดูละครหรือซีรีย์ในมุมมองของเรา เขามองในมุมมองของคนดูดูเป็นภาพรวมซึ่งโอเค Feedback จากคนดูประมาณ 90 % บอกว่าดี เราก็ต้องเชื่อเขา เราชื่อตัวเองไม่ได้ว่ามันยังไม่ดี ซึ่งก็ช่วยให้เราหายเซ็งขึ้นได้

MF: ในช่วง 10 กว่าปีมานี้มีบทไหนที่เจษยังไม่เคยเล่นแล้วอยากลองเล่นบ้าง
เจษ: บทที่ไม่เคยเล่นเลยนึกไม่ออก แต่ว่าไม่ค่อยได้เล่นหนังผีเท่าไหร่เท่าที่นึกออกนะครับ เพราะว่าเมื่อก่อนจะเป็นละคร ละครผีมันก็ไม่ได้เยอะมากส่วนใหญ่ผีก็จะเป็นหนังซึ่งเราก็ไม่เคยลองเล่นหนังผีเลย มีใกล้เคียงแต่ก็ยังไม่ใช่ขนาดนั้น

MF: พูดถึงเรื่องแฟชั่นบ้างปกติสไตล์การแต่งตัวเป็นยังไง
เจษ: ผมจะเน้นสะดวกเลยครับ เน้นง่าย เสื้อยืดกางเกงยีนส์ เสื้อขาวเสื้อดำเสื้อเทาจะเน้นคุมโทนไม่ค่อยจะมีเสื้อสีแบบสีเหลืองสีแดงสีเขียวจะไม่ค่อยใส่ ส่วนใหญ่จะเป็นกางเกงยีนส์ สบาย ๆ หน่อยก็จะเป็นกางเกงวอร์ม รองเท้าผ้าใบ รองเท้าบู้ทบ้างครับ แต่ไม่ใช่คนที่แต่งตัวจัดขนาดนั้นครับ

MF: ไอเท็มที่ขาดไม่ได้หล่ะ
เจษ: นาฬิกาครับ นาฬิกาข้อมือต้องมีออกมาทุกวันไม่งั้นจะรู้สึกว่าเราแต่งตัวไม่ครบ

MF: แอบเห็นว่าเจษใส่นาฬิกาบ่อยเป็นคนที่ชอบนาฬิกาอยู่แล้ว นาฬิกาแบบไหนที่ใส่เป็นประจำ
เจษ: ใช่ครับ เราชอบนาฬิกาอยู่แล้ว เรือนที่ใส่ประจำจะเป็นสายยางแล้วก็จะมีอีกเรือนที่ใส่เป็นสายหนังเพราะว่าเป็นคนชอบใส่นาฬิกาเบา ๆ ถ้าใส่ทุกวันเป็น Routine จะไม่ใส่นาฬิกาที่เป็นสายเหล็กหรือว่าหนักมากเพราะว่าบางทีจะรู้สึกว่าอึดอัดนิดนึงยกเว้นถ้าไปงาน แต่ถ้าใส่ทุกวันก็จะเป็นสายยาง เป็นนาฬิกาเรือนโปรดแล้วก็เป็นนาฬิกาเรือนแรกเลย

MF: มี Bucket List ที่อยากทำ หรืออะไรที่ทำสำเร็จไปแล้วบ้าง
เจษ: ถ้าอยากทำในช่วงนี้เลย.. ผมอยากไปตีกอล์ฟที่ต่างประเทศครับ สนามต่างประเทศเป็นทริปกอล์ฟกับคนที่สนิทอย่างพี่ชาย คนที่สนิท แล้วก็อาจจะไปเดือนนึงไปตีกอล์ฟหลาย ๆ ที่ หาสนามตีไปเรื่อย ๆ ผมว่าน่าจะเป็น Vibe ที่สนุกดี ส่วนที่ที่อยากไปจะเป็นที่อเมริกาครับโซนแคลิฟอร์เนีย เพราะเราไม่เคยไปเที่ยวด้วยแล้วก็ได้ยินว่าสนามกอล์ฟมันเยอะ

MF: เข้าสู่ช่วงเดือนสุดท้ายของปีอยากให้รีแคปปีที่ผ่านมา
เจษ: ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่สนุกมากครับ เป็นปีที่ได้ทำอะไรที่เราไม่เคยได้ทำมาก่อนเลยในวงการหลายอย่างมาก ๆ นอกจากการเป็นนักแสดง ไม่ว่าจะโชว์ที่ทั้งร้องทั้งเต้นอะไรต่าง ๆ นา ๆ ที่เราไม่เคยได้ทำก็มาทำใน Fancon 4 Minutes ได้เจอคนต่าง ๆ กลุ่มที่เราไม่เคยเจอที่ไม่ใช่แฟนละครจ๋า เป็นแฟนซีรีย์ที่เด็กลงหน่อย ก็จะมีหลายอย่างที่เหมือนกันแต่ก็ไม่เหมือนกันสำหรับความเป็นแฟนคลับ แล้วก็ได้ไปทำงานต่างประเทศหลาย ๆ ที่ที่เราไม่เคยไปด้วยซ้ำแต่ไปครั้งแรกคือการไปทำงาน ได้เจอแฟน ๆ ต่างชาติเยอะขึ้นมากด้วยจากการเล่นซีรีย์ 4 Minutes ก็ถือว่าเป็นปีที่สนุกแล้วก็หลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น มีความสุขกับชีวิตมากขึ้นครับ

MF: แพลนในปีหน้าของเจษ
เจษ: ปีหน้าอยากจะเป็นนักแสดงที่เล่นอะไรที่ไม่เหมือนเดิมเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าเมื่อก่อนเวลาเราเล่นละครอย่างเดียวเราก็จะสามารถทำอะไรได้ไม่มากเพราะว่า Genre ของละครมันไม่เยอะเท่า Genre ของซีรีย์หรือว่า Genre ของหนัง แต่ว่าตอนนี้คนยอมรับเราในฐานะนักแสดงแล้วประมาณนึงผมว่าโอกาสต่าง ๆ ที่เข้ามามันมีอะไรหลายอย่างที่เราอยากลองออกจากกรอบไปมากกว่าที่ในปีนี้ อยากจะลองทำอะไรที่คนไม่คิดว่าเราจะเล่นเลยมันน่าจะสนุกกับตัวผมด้วยแล้วก็คนที่ตามดูเราด้วย

MF Chat

MF: มีเวลาว่าง 1 วันจะทำอะไร
เจษ: ตีกอล์ฟครับ

MF: Top 3 ภาพยนตร์หรือซีรีส์ในดวงใจ
เจษ: Peaky Blinders, The Godfather และ The Judge เป็นเรื่องที่แนะนำเลยเป็นหนังที่ Hard Feelings มาก ๆ รู้สึกว่าเป็นยอดการแสดงที่หลายคนอาจจะพลาดไปเพราะไม่ค่อยได้รับความนิยม เป็นหนังเกี่ยวกับพ่อลูกความสัมพันธ์ครอบครัวที่ Emotional มาก ซับซ้อนแต่ก็เข้าใจไม่ยาก

MF: ที่เที่ยวที่ประทับใจที่สุด
เจษ: Switzerland มั้งครับ เราไปเป็นคล้าย ๆ Air BNB แล้วเราไปถึงตอนดึกมาก ก็ไม่รู้ว่ารอบข้างเป็นยังไงแต่ว่าพอตื่นมามันคล้ายที่เขาเคยเล่ากันครับว่าเปิดมาเจอกวางอยู่หลังบ้านเป็นเทือกเขาแอลป์ บ้านจะอยู่ตรงกลางแล้วก็จะมีทำฟาร์ม สวยมาก อากาศหนาวมาก มันเป็นภาพที่เราไม่ได้คาดคิดตอนไปถึงก็เลยจำมันมาตลอด

MF: พี่เจษ หรือ น้องปอ
เจษ: อุ้ย หลัง ๆ ก็เรียกน้องปอกันบ่อยกว่าพี่เจษแล้วครับ (หัวเราะ)

MF: หนึ่งคำที่มอบให้กับแฟนคลับ
เจษ: ขอบคุณครับ

INTERVIEW Thunthiwa Saksiriwetkul
STYLIST Chanond Mingmit
PHOTO Bert Sivakorn
MAKE UP Chat Wacharachattrakul HAIR Sirasit Sirikarin
ASSISTANT STYLIST Napat Roongreang andTidawan Suttichai
ASSISTANT PHOTOGRAPHER Piyawat Jarunpong and Krissada Sukthavorn

More from this stream

Recomended

คริสต์มาสนี้ เติมความอบอุ่นด้วยเสียงเพลง a cozy christmas จาก aron!

ในฤดูกาลแห่งความอบอุ่นและแสงไฟระยิบระยับ ที่ใกล้เข้ามาถึงนี้ “aron!”...

“The Ugly หน้าเกลียด” ครองใจเกาหลี แซงทุก Box Office

“The Ugly หน้าเกลียด” ความมืดที่ซ่อนอยู่หลังใบหน้า...

เหนือขีดจำกัดของความสำเร็จ กับ “BOSS Bottled Beyond”

ในทุกช่วงเวลาของความสำเร็จ ยังมีแรงบันดาลใจที่ผลักดันให้ก้าวไปไกลกว่าเดิม และนั่นคือจิตวิญญาณของ...

“Pink Bloom” พลังแห่งความหวังจาก Princess Collection 2025 โดย SIRIVANNAVARI x Wacoal

ในเดือนตุลาคมของทุกปี ซึ่งทั่วโลกต่างร่วมรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัย “มะเร็งเต้านม”...