Men’s Folio ได้ เจฟ ซาเตอร์ มาเป็น Cover Star ในฉบับที่สอง ด้วยตารางงานที่แสนจะยุ่ง ไหนจะเพิ่งจบจากการแสดงคอนเสิร์ต Space Shuttle No.8 Asia Tour in Bangkok โชคดีมากที่เราสามารถคว้าตัวเขามาได้ หนุ่มคนนี้ เจ้าของฉายา ‘พระเจ้าเจฟ’
เรามีโอกาสได้พูดคุยกับเจฟ ซาเตอร์อย่างใกล้ชิดในระหว่างพักจากการถ่ายปกในช่วงแรก แม้จะอยู่ในลุคที่จัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผมและงานเล็บ แต่อิริยาบถของเขาก็ผ่อนคลายและเป็นกันเอง จนทำให้การสนทนาในครั้งนี้เป็นไปอย่างสบาย ๆ แค่ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ก็ทำให้เราได้รู้จักตัวตนของเขามากขึ้นมาก
MF: อาชีพในฝันในวัยเด็กของคุณ Jeff คืออะไร
Jeff Satur: อยากเป็นสัตวแพทย์ครับ เพราะชอบสัตว์มาก แล้วก็ไม่ได้เป็น แต่ว่าสภาพเหมือนสัตวแพทย์ตอนนี้เพราะว่ามีแมวเยอะมาก
MF: อะไรเป็นสิ่งที่จุดประกายให้หลงรักเสียงดนตรี
Jeff Satur: น่าจะเป็นการเล่นดนตรีให้คนอื่นได้ยิน เล่นแบบงานโรงเรียน น่าจะเป็นช่วงเวลาช่วงนั้น ช่วงมัธยมครับ
MF: คุณ Jeff นิยามแนวเพลงของตัวเองว่าอย่างไร
Jeff Satur: ยากเหมือนกัน เพราะส่วนตัวจะเรียกมันว่าแนว Jeff Satur เพราะไม่อยากจำกัดตัวเอง และไม่อยากจำกัดผู้ฟังด้วยว่าคนที่ฟังกลุ่มเราต้องฟังแนวนี้เท่านั้น ซึ่งเพลงในอัลบั้มก็ค่อนข้างหลากหลายมาก ๆ เลยไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร ก็เป็นแนวผมแล้วกันครับ


MF: เพลงไหนที่รู้สึกว่าทำยากหรือร้องยากที่สุด
Jeff Satur: ผมว่า Dum Dum เพราะมันเป็นเพลงที่ค่อนข้างยากในเชิงความรู้สึกนิดนึง แต่ว่าในเชิงโน้ตไม่ได้ยากมาก แต่ด้วยความที่อย่างท่อนฮุกมันเป็นแค่ “Dum Dum” เราจะทำยังไงให้ประโยคนี้หรือคำนี้มันสื่อสารความรู้สึกที่มีอยู่ออกมาได้ คือตอนอัดก็ต้องเข้าคาแรกเตอร์ไปเป็นอีกคนนึง ความรู้สึกนึง เพราะว่ามันเป็นแค่คำ แล้วต้องร้องยังไงก็ได้ให้รู้สึก ก็เลยยากในเชิงความรู้สึกครับ
MF: มีแนวเพลงแนวไหนอีกไหมที่อยากทำ
Jeff Satur: อยากทำเพลง Hip-Hop ครับ อยากทำเพลง Jazz หลากหลายแนวเหมือนกัน Metal ก็อยากทำครับ



MF: นิสัยและตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายที่ชื่อ Jeff Satur
Jeff Satur: ผมเป็นคนง่าย ๆ ครับ จริง ๆ เป็นคนที่คุยได้ทุกเรื่อง เพราะว่าชอบ explore เพราะฉะนั้นจะมีข้อมูลเยอะ คุยเรื่องอะไรก็สามารถคุยด้วยกันได้สนุก แล้วก็ผมว่าผมเป็นคนชิล ๆ ไม่ค่อยซีเรียสอะไรเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเรื่องงานจะซีเรียสมาก ๆ เรื่องทั่วไปผมจะชิล ๆ
MF: ผลงานซีรีส์ที่ผ่านมา คุณ Jeff ประทับใจบทบาทหรือตัวละครไหนมากที่สุด
Jeff Satur: ผมว่าในแต่ละตัวมันก็มีความแตกต่างกันในเชิงตัวละคร แต่ถ้าประทับใจก็นึกถึง ‘คิม-คิมหันต์’ แหละครับ ตัวที่เป็นในเรื่อง KinnPorsche The Series เพราะก็เป็นหนึ่งในซีรีส์ฟอร์มยักษ์ที่เราได้มีโอกาสไปเล่น แล้วก็ทำให้คนได้รู้จักตัวผมผ่านคิม-คิมหันต์

MF: รู้สึกอย่างไรบ้างกับการทำหน้าที่ Mentor ในรายการ Idol Survivor CHUANG ASIA
Jeff Satur: จริง ๆ รู้สึกชอบในทุก ๆ วินาทีที่เป็นครับ เพราะได้ไกด์น้อง ๆ ที่เป็นรุ่นใหม่ แล้วก็ได้เห็นตัวเองผ่านน้อง ๆ เหมือนช่วงที่เราพยายามจะทำตามฝัน แล้วการที่ได้มีคนมาไกด์ ไม่ใช่แค่ผมเอง แต่คือ Mentor หลาย ๆ คนที่มีประสบการณ์ ผมรู้สึกว่ามันก็เป็นโอกาสดีที่เราได้มาอยู่ตรงนี้ ที่ได้ไกด์น้อง ๆ ให้โตไปเป็นอาร์ทิสต์โดยที่ไม่ได้กดดัน ไม่ได้ถูกอินฟลูเอนซ์โดยสิ่งรอบข้างเยอะมาก น้อง ๆ จะได้ไม่เครียดจนเกินไปกับวงการนี้ คือมันก็เครียดจริง ๆ แหละ แต่เราไม่จำเป็นต้องเครียดขนาดนั้น มันมีพาร์ทที่เราสามารถอยู่ได้อย่างสบายใจครับ
MF: คุณ Jeff เพิ่งมีคอนเสิร์ต Asia Tour ในเมืองไทยไป อยากให้แชร์โมเมนต์ประทับใจหน่อยได้ไหม
Jeff Satur: ในทุกเมืองที่ไปก็ประทับใจทุกเมืองครับ หลาย ๆ เมืองก็เอเนอร์จี้ต่างกัน ที่กรุงเทพก็จะมีสเกล ใหญ่ที่สุด เพราะมีการคิดโชว์นู่นนี่นั่น ก็ยากนิดนึง แต่พอถึงวินาทีสุดท้ายก่อนจะลงจากคอนเสิร์ตผมรู้สึกว่า ไม่อยากลง ยังอยากอยู่ต่อ เวทีมันกลายเป็น Comfort zone ของเราครับ แบบพูดอะไรก็ได้ แล้วยิ่งมีเพื่อน ๆ มีเกสต์ มีคุณวันเสาร์มาจากหลาย ๆ ประเทศ ก็ประทับใจครับ แล้วก็ได้เห็นโปรเจ็กต์ในแต่ละเมืองที่เขาทำให้ ด้วยซิสเต็ม บางอันก็ไม่มีเสียบ้าง พังบ้าง แต่แค่ความพยายามที่เขาทำให้เรา ก็รู้สึกว่ามันดีมากแล้ว เราก็ได้เก็บโปรเจ็คต์ในทุก ๆ เมืองที่เราไป




MF: ไอดอลของคุณ Jeff คือใคร
Jeff Satur: งานเพลงผมชอบ X Japan ถ้าเป็นงานแสดงผมชอบ Travis Fimmel เป็นนักแสดงที่เล่นเรื่อง Vikings ครับ ที่เป็นตัวละครเอก ผมดูเรื่องนั้นหลายรอบเลย Mads Mikkelsen ก็ชอบครับ
MF: คิดว่าถ้าไม่ได้เป็นนักร้องและนักแสดง จะทำอาชีพอะไร
Jeff Satur: คงจะเป็นนักเขียนครับ น่าจะเป็นทรงนั้น Blog ตอนนี้ก็ไม่มีเวลาอัพเดตเลยครับ เพราะเขียนเรื่องนึงมันก็ใช้เอเนอร์จี้เยอะ ต้องรีเสิร์ชหลายที่ เพราะว่าผมไม่อยากจะเขียนแบบแปลมาแล้วมาเขียน อยากให้ได้เรื่องจริง ๆ ได้อินสไปร์ จริง ๆ เพราะมันเกี่ยวกับแรงบันดาลใจ


MF: ถ้าย้อนเวลาได้ อยากกลับไปแก้ไขอะไรไหม
Jeff Satur: ไม่มีครับ เพราะว่าถ้าสมมติเรากลับไปแก้ไขอะไร เราอาจจะไม่ได้มาอยู่จุดนี้ครับ ผมว่าจุดนี้มันก็โอเคแล้ว พอมองกลับไปเห็นสิ่งที่ผ่านมามันก็มีเหตุผลที่มันเกิดขึ้น และเป็นเหตุผลที่ดีด้วย บางทีมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในชีวิต มองกลับไปผมก็รู้สึกว่า ดีนะที่มันเกิด ไม่งั้นเราคงจะไปอีกแบบนึง เลยรู้สึกว่าดีแล้วที่เราใช้ชีวิตมาแบบนี้

MF: เวลาว่าง ๆ คุณ Jeff ชอบทำกิจกรรมอะไร
Jeff Satur: ว่าง ๆ ผมชอบเล่นกับแมวครับ เล่นเกมกับน้อง ดูหนังกับครอบครัว หาหนังนานกว่าดูหนังครับ (ฮา)
MF: คุณ Jeff ดูสนุกกับการแต่งตัวมาก อยากให้ช่วยแนะนำคนที่อยากลองแต่งตัวสไตล์ใหม่ ๆ แต่ยังไม่กล้าหน่อยได้ไหม
Jeff Satur: ผมว่าความกล้ามันมาจากการที่เราไม่ต้องให้คนอื่นมา proof ว่าเราดีหรือเปล่า พอเราไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะมองเรายังไง หรือ validate ว่าอันนี้ดีไม่ดี สิ่งนั้นจะค่อย ๆ หายไป มันจะกลายเป็นความสนุกที่เราได้เห็นตัวเองในกระจกแล้วแบบ… ลองแบบนี้ดีกว่า ลองแบบนั้นดีกว่า เราแต่งตัวเพื่อเราเอง เราไม่ได้แต่งตัวเพื่อใคร ถ้ามี mindset แบบนั้นมันจะทำให้เราสนุกกับการแต่งตัว แล้วก็เป็นตัวเองมากขึ้น ผมว่าหลาย ๆ คนรอบข้างเขาอาจจะเห็นเราในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่อาจเป็นมุมที่เราอยากจะลองเป็นดู



MF: เพลงที่ฟังเมื่อไหร่ก็เสียนํ้าตา
Jeff Satur: ผมเป็นคนฟังเพลงแล้วไม่เสียนํ้าตา ไม่ค่อยมี จำได้เพลงล่าสุดคือ Lay Me Down ของ Sam Smith เป็นคนฟังเพลงแล้วไม่ร้องไห้ ถ้าจะร้องไห้จริง ๆ ต้องไปฟังสด ๆ
MF: เพลงที่ฟังเมื่อไหร่ก็รู้สึกดี
Jeff Satur: ผมชอบแบบ Bruno Mars ที่เป็น Funk เช่นแบบ Chunky เพลง 24K Magic แบบนี้ครับ
MF: แนวเพลงที่เปิดฟังบ่อยที่สุด
Jeff Satur: Jazz แล้วกันครับ โมเมนต์ที่อยากรีแลกซ์ ก็จะเปิด Jazz
MF: ไอเท็มเด็ดที่ขาดไม่ได้ในช่วง Summer
Jeff Satur: พัดลมแบบถือครับ
MF: ชอบใช้หูฟังมีสาย หรือไร้สาย
Jeff Satur: ไร้สายครับ
MF: แนะนำ 1 เพลงสำหรับคนที่อยากเริ่มฟังเพลง Jeff Satur
Jeff Satur: ผมแนะนำซ่อนไม่หาครับ บริโภคง่าย
MF: ถ้ามีเวลา 1 วัน จะเลือกดูหนังหรือดูซีรีส์
Jeff Satur: ดูหนังครับ เพราะซีรีส์ใช้เวลานาน

