จากเด็กคนหนึ่งที่มีความฝัน ที่เริ่มต้นด้วยความหลงใหลในเสียงดนตรี PUN (ปัน สรณวรรธ) ค่อย ๆ เติบโตขึ้นพร้อมความมุ่งมั่นและความพยายามไม่สิ้นสุด จนสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนตัวตนได้อย่างชัดเจน และในที่สุดได้ก้าวสู่จุดหมายสำคัญในชีวิตศิลปิน ที่มาจากเส้นทางแห่งความพยายามของเขา กับคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรก PUN ‘Bandage’ The 1st Concert ที่เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต และการพิสูจน์ว่าความฝันที่ตั้งใจไว้สามารถกลายเป็นจริงได้ด้วยแรงศรัทธาและความทุ่มเท

ในค่ำคืนที่อบอวลด้วยพลังแห่งความฝันและความจริงใจทางดนตรี PUN ‘Bandage’ The 1st Concert คือคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในชีวิตของ “PUN” หรือ ปัน–สรณวรรธ พิชัยรณรงค์สงคราม ศิลปิน นักร้อง นักแต่งเพลงวัยเพียง 22 ปี จาก Universal Music Thailand ที่ไม่เพียงสะท้อนตัวตนทางศิลปะได้อย่างงดงาม หากยังเป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดของคำว่า “ครั้งแรก” ไปสู่ความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง กับโชว์ที่บัตร sold out ทั้งสองรอบ วันที่ 18–19 ตุลาคม 2568 ณ UOB Live, Emsphere ท่ามกลางแฟนเพลงนับหมื่นที่พร้อมใจกันส่งแรงใจให้ศิลปินคนโปรดอย่างล้นหลาม



ตลอดระยะเวลากว่าสองชั่วโมงเต็ม PUN ‘Bandage’ The 1st Concert ถ่ายทอดเรื่องราวการเดินทางของหัวใจผ่าน 4 ช่วงอารมณ์ คือ Pain, Heal, Relapse และ Acceptance ที่ถ่ายทอดอย่างมีชั้นเชิงราวกับพาผู้ชมดำดิ่งเข้าไปในโลกภายในของศิลปิน ตั้งแต่ความเจ็บปวด ความเปราะบาง การเยียวยา ไปจนถึงการยอมรับและการเติบโตที่งดงาม เป็นการจัดวางเซ็ตลิสต์ที่เรียงร้อยความรู้สึกอย่างมีศิลปะ


ช่วงเปิดคอนเสิร์ตเริ่มต้นด้วย “Stay”, “Lonely In The City” และ “Living Death” ก่อนจะต่อด้วยเพลงฮิตที่เพิ่มอุณหภูมิความรู้สึกอย่าง “คำถาม”, “COLD BEER”, “ที่เดิม”, “Obsessed” และ “เค้าว่า” ที่ได้ JAONAAY มาร่วมสร้างสีสัน ก่อนจะปิดช่วงแรกด้วย “KRYPTONITE” พร้อมโปรเจกต์สุดอบอุ่นจากแฟนคลับ ALWAYS ที่สะกดทั้งฮอลล์ไว้ด้วยความรู้สึกเดียวกัน
ช่วงที่สองขับเคลื่อนอารมณ์ด้วยพลังและความเท่ที่เป็นเอกลักษณ์ของ PUN กับเพลง “Therapist”, “เท่ไป (TAEPAI)”, “Baby u my queen”, “MUSE” และ “I Just Wanna Know” รวมถึง “ฉบับปรับปรุง” ที่ได้ ZENTYARB และ LAZYLOXY มาร่วมสร้างโมเมนต์แห่งความคิดถึง ก่อนจะเซอร์ไพรส์แฟน ๆ ด้วยแขกรับเชิญพิเศษ SARAN ในเพลง “ฝันกลางวัน” และ 1MILL ใน “Perfect” ที่เรียกเสียงกรี๊ดกระหึ่มทั้งฮอลล์
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ตรึงหัวใจผู้ชมไว้ได้อย่างแน่นหนา คือช่วงเวทีรองที่ PUN เล่นกีตาร์และเปียโนด้วยตัวเอง ถ่ายทอดอารมณ์เศร้าลึกใน “After the party’s over”, “หล่น (Faded)” และ “Goodbye” ท่ามกลางเวทีที่คลุมด้วยผ้าขาวโปร่งและแสงโปรเจกเตอร์ละมุน เป็นภาพจำที่ทั้งสวยงามและเปราะบางในเวลาเดียวกัน ซีนที่หลายคนยกให้เป็น “ช่วงเวลาที่งดงามที่สุด” ของคอนเสิร์ตครั้งนี้
ก่อนปิดฉากด้วยความอบอุ่นและพลังบวก PUN กลับขึ้นเวทีใหญ่อีกครั้งพร้อมเพลง “Life” ที่กลายเป็นเหมือนจดหมายให้กำลังใจถึงทุกคนในฮอลล์ ตามด้วยแขกรับเชิญสุดพิเศษในแต่ละรอบอย่าง THE TOYS (“ลาลาลอย”) และ URBOYTJ (“CHEMICAL”) รวมถึง “BF” ที่กลายเป็นโมเมนต์แห่งเสียงหัวเราะและความผูกพัน ก่อนปิดท้ายด้วยอังกอร์ “รอที่เส้นขอบฟ้า”, “DAY ONE” และ “นิทานในฝัน 2024” อย่างสมบูรณ์แบบ


สิ่งที่ทำให้ PUN ‘Bandage’ The 1st Concert ถูกจดจำไม่ใช่เพียงพลังเสียงหรือบทเพลงที่ทุกคนร้องตามได้ แต่คือ “ความจริงใจ” ที่ศิลปินส่งออกมาจากเวที ซึ่งสะท้อนผ่านสายตา แววเสียง และการแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ ทุกองค์ประกอบบนเวทีตั้งแต่แสง สี เสียง โปรดักชั่น ไปจนถึงพร็อพอย่างเก้าอี้ลอย หลอดไฟ และตู้โทรศัพท์ ถูกออกแบบอย่างประณีตเพื่อรองรับอารมณ์ของแต่ละช่วงอย่างลงตัว ดนตรีทุกเพลงถูกเรียบเรียงใหม่สำหรับคอนเสิร์ตนี้โดยเฉพาะ เสริมด้วยทีมแดนเซอร์และภาพ LED ที่ร้อยเรียงเป็นภาษาภาพได้อย่างงดงาม



ท้ายที่สุด คอนเสิร์ตนี้ไม่ได้จบลงเพียงเมื่อเสียงเพลงสุดท้ายสิ้นสุดลง แต่กลับทิ้งความรู้สึกอบอุ่นไว้ในใจของทุกคน เมื่อครอบครัว เพื่อนสนิท และทีมงานของ PUN ปรากฏตัวอยู่หลังเวที เพื่อส่งกำลังใจให้ศิลปินหนุ่มที่ทำสำเร็จอย่างสง่างาม เป็นภาพปิดฉากที่ตราตรึงใจทั้งศิลปินและแฟนเพลงไปอีกนาน

PUN ‘Bandage’ The 1st Concert จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องบันทึกความทรงจำแห่งการเติบโตของเด็กหนุ่มวัย 22 ปี ที่ยังคงเชื่อมั่นในพลังของความฝัน และใช้หัวใจเป็นเชื้อไฟให้กับทุกก้าวของตัวเอง ค่ำคืนนี้เปรียบเสมือนความฝันที่ถูกผูกไว้ด้วยความรัก ความพยายาม และความศรัทธา ที่มันจะผลิบานอย่างงดงามเสมอไปในทุกก้าวการเดินทางของ “ปัน สรณวรรธ“




